พล.ท.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ แม่ทัพภาคที่ 1 พร้อมด้วย พล.ต.ธรรมนูญ วิถี รองแม่ทัพภาคที่ 1 พล.ต.สันติพงศ์ ธรรมปิยะ รองแม่ทัพภาคที่ 1 พล.ต.ท.อำนวย นิ่มมะโนรอง ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ผู้แทนจากกองบัญชาการตำรวจนครบาล และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ร่วมประชุมติดตามสถานการณ์การดูแลรักษาความสงบเรียบร้อยบริเวณท้องสนามหลวง ที่กองอำนวยการร่วมรักษาความสงบเรียบร้อยบริเวณโดยรอบพระบรมมหาราชวัง (กอร.รส.) เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับประชาชน ที่จะเดินทางเข้ามากราบถวายบังคมพระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ภายหลังเกิดเหตุการณ์วางระเบิดหน้าโรงละครแห่งชาติ ซึ่งเป็นพื้นที่ใกล้เคียงกับพื้นที่สนามหลวง
พล.ท.อภิรัชต์ กล่าวว่า วันนี้มาประชุมเพิ่มเติมกับ กทม. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ยืนยันว่า ไม่ใช่วัวหายล้อมคอก เพราะมาตรการรักษาความปลอดภัยในปัจจุบันเข้มแข็งอยู่แล้ว แต่หลังจากนี้จะเพิ่มความเข้มข้นมากขึ้นในส่วนของจุดคัดกรองต่างๆ ซึ่งอาจจะทำให้ประชาชนไม่ได้รับความสะดวก เพราะจะมีการตรวจสัมภาระอย่างละเอียด และบันทึกภาพผู้ที่มาร่วมสักการะพระบรมศพทุกคน
นอกจากนี้ จะขยายพื้นที่รักษาความปลอดภัยไปอีกในระยะอีก 2 กิโลเมตร จากพื้นที่สนามหลวง และจะจัดอบรมประชาชนเป็นจิตอาสา คอยเป็นหูเป็นตาให้กับเจ้าหน้าที่ คอยแจ้งเบาะแส เมื่อพบเห็นสิ่งปิดปกติ ป้องกันไม่ให้เกิดเหตุซ้ำอีก ซึ่งต้องขอความร่วมมือประชาชนในการช่วยกันสอดส่องดูแล ในส่วนของทางทหารจะจัดชุดลาดตระเวนจักรยานเพิ่มอีกหนึ่งกองร้อย จากเดิมที่มีชุดลาดตระเวนจักรยานยนต์อยู่แล้ว พร้อมทั้งได้ให้ กทม.ไปสำรวจกล้องโทรทัศน์วงจรปิด (CCTV) ทั้งหมดว่าใช้การได้หรือไม่อย่างไร มุมของกล้องถูกปรับเปลี่ยนหรือไม่ โดย กทม. ยืนยันว่าจะนำกล้อง CCTV ที่ดีที่สุด มาเปลี่ยนที่บริเวณท้องสนามหลวง โดยพรุ่งนี้ กทม.และทหารสื่อสารของกองทัพภาคที่ 1 จะเริ่มสำรวจกล้องทั้งหมด และบริเวณโดยรอบ รวมถึง พิจารณาติดตั้งกล้อง CCTV เพิ่มในจุดเสี่ยง หรือ จุดบอด
พล.ท.อภิรัชต์ ยังประณามกลุ่มคนที่จ้องก่อเหตุวุ่นวายว่า ไม่รู้ว่าจิตใจทำด้วยอะไร ที่จ้องทำลายสัญลักษณ์ที่สำคัญ ซึ่งคนไทยมีความรักและจงรักภักดี คนพวกนี้มีจิตใจชั่วช้า คิดในสิ่งเลวๆ
พล.ท.อภิรัชต์ กล่าวว่า วันนี้มาประชุมเพิ่มเติมกับ กทม. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ยืนยันว่า ไม่ใช่วัวหายล้อมคอก เพราะมาตรการรักษาความปลอดภัยในปัจจุบันเข้มแข็งอยู่แล้ว แต่หลังจากนี้จะเพิ่มความเข้มข้นมากขึ้นในส่วนของจุดคัดกรองต่างๆ ซึ่งอาจจะทำให้ประชาชนไม่ได้รับความสะดวก เพราะจะมีการตรวจสัมภาระอย่างละเอียด และบันทึกภาพผู้ที่มาร่วมสักการะพระบรมศพทุกคน
นอกจากนี้ จะขยายพื้นที่รักษาความปลอดภัยไปอีกในระยะอีก 2 กิโลเมตร จากพื้นที่สนามหลวง และจะจัดอบรมประชาชนเป็นจิตอาสา คอยเป็นหูเป็นตาให้กับเจ้าหน้าที่ คอยแจ้งเบาะแส เมื่อพบเห็นสิ่งปิดปกติ ป้องกันไม่ให้เกิดเหตุซ้ำอีก ซึ่งต้องขอความร่วมมือประชาชนในการช่วยกันสอดส่องดูแล ในส่วนของทางทหารจะจัดชุดลาดตระเวนจักรยานเพิ่มอีกหนึ่งกองร้อย จากเดิมที่มีชุดลาดตระเวนจักรยานยนต์อยู่แล้ว พร้อมทั้งได้ให้ กทม.ไปสำรวจกล้องโทรทัศน์วงจรปิด (CCTV) ทั้งหมดว่าใช้การได้หรือไม่อย่างไร มุมของกล้องถูกปรับเปลี่ยนหรือไม่ โดย กทม. ยืนยันว่าจะนำกล้อง CCTV ที่ดีที่สุด มาเปลี่ยนที่บริเวณท้องสนามหลวง โดยพรุ่งนี้ กทม.และทหารสื่อสารของกองทัพภาคที่ 1 จะเริ่มสำรวจกล้องทั้งหมด และบริเวณโดยรอบ รวมถึง พิจารณาติดตั้งกล้อง CCTV เพิ่มในจุดเสี่ยง หรือ จุดบอด
พล.ท.อภิรัชต์ ยังประณามกลุ่มคนที่จ้องก่อเหตุวุ่นวายว่า ไม่รู้ว่าจิตใจทำด้วยอะไร ที่จ้องทำลายสัญลักษณ์ที่สำคัญ ซึ่งคนไทยมีความรักและจงรักภักดี คนพวกนี้มีจิตใจชั่วช้า คิดในสิ่งเลวๆ