พล.อ.สุรศักดิ์ กาญจนรัตน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม แถลงข่าวการเปิดศูนย์ปฏิบัติการพิทักษ์ป่า (ศปก.พป.) เพื่อบูรณาการปฏิบัติงานของชุดปฏิบัติการพิเศษทั้ง 3 กรม ได้แก่ ชุดพยัคฆ์ไพร กรมป่าไม้ ชุดพญาเสือ กรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช และชุดฉลามขาว กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง โดยพล.อ.สุรศักดิ์ กล่าวว่า การจัดตั้งศูนย์ปฏิบัติการพิทักษ์ป่า เพื่อบูรณาการทำงานของทั้ง 3 กรม ในการป้องกันและปราบปรามให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น โดยมีนายอรรรถพล เจริญชันษา ผู้อำนวยการ สำนักป้องกันรักษาป่าและควบคุมไฟป่า กรมป่าไม้ เป็นหัวหน้าศูนย์ปฏิบัติการฯ ซึ่งศูนย์ดังกล่าวจะเป็นการรผนึกกำลังให้เป็นปึกแผ่น เป็นการรวบรวมบุคลากร อุปกรณ์ เทคโนโลยีที่ทันสมัย ซึ่งหากแต่ละกรมแบ่งแยกการทำงานจะทำให้เปลืองงบประมาณด้วย
นอกจากนี้ ศูนย์ปฏิบัติการฯ จะประสานงานร่วมกับหน่วยงานอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง อาทิ กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) ทหาร ตำรวจ สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) เนื่องจากปัญหาที่ผ่านมา พบว่ายังมีผู้มีอิทธิพลที่ยังไม่ยอมยุติการทำลายป่า จึงจำเป็นต้องมีการใช้กฎหมายหลายๆ ฉบับมาบังคับใช้ มีการประสานงานช่วยกันรวบรวมหลักฐานเพื่อสามารถดำเนินคดีกับผู้มีอิทธิพลได้
สำหรับผลการดำเนินงานที่ผ่านมา ตั้งแต่ปี 2557 ถึงปัจจุบัน สามารถบังคับใช้กฎหมายต่อผู้ที่บุกรุกยึดถือครอบครองที่ดินในเขตป่าได้ 20,310 คดี ได้ผู้ต้องหา 4,352 คน ยึดคืนพื้นที่ได้ 513,556 ไร่ และสามารถบังคับใช้กฎหมายต่อผู้ที่ลักลอบตัดไม้มีค่าในเขตป่าจำนวน 24,330 คดี ได้ผู้ต้องหา 12,163 คน ยึดไม้ของกลางได้1,112,274 แผ่นต่อท่อนต่อเหลี่ยม ปริมาตรไม้ 50,247 ลูกบาศก์เมตร
นอกจากนี้ ศูนย์ปฏิบัติการฯ จะประสานงานร่วมกับหน่วยงานอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง อาทิ กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) ทหาร ตำรวจ สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) เนื่องจากปัญหาที่ผ่านมา พบว่ายังมีผู้มีอิทธิพลที่ยังไม่ยอมยุติการทำลายป่า จึงจำเป็นต้องมีการใช้กฎหมายหลายๆ ฉบับมาบังคับใช้ มีการประสานงานช่วยกันรวบรวมหลักฐานเพื่อสามารถดำเนินคดีกับผู้มีอิทธิพลได้
สำหรับผลการดำเนินงานที่ผ่านมา ตั้งแต่ปี 2557 ถึงปัจจุบัน สามารถบังคับใช้กฎหมายต่อผู้ที่บุกรุกยึดถือครอบครองที่ดินในเขตป่าได้ 20,310 คดี ได้ผู้ต้องหา 4,352 คน ยึดคืนพื้นที่ได้ 513,556 ไร่ และสามารถบังคับใช้กฎหมายต่อผู้ที่ลักลอบตัดไม้มีค่าในเขตป่าจำนวน 24,330 คดี ได้ผู้ต้องหา 12,163 คน ยึดไม้ของกลางได้1,112,274 แผ่นต่อท่อนต่อเหลี่ยม ปริมาตรไม้ 50,247 ลูกบาศก์เมตร