เจ้าหน้าที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติหาดเจ้าไหม เข้าทำการตรวจสอบและเก็บหลักฐานการครอบครองที่ดินบนเกาะกระดาน หมู่ที่ 2 ตำบลเกาะลิบง อำเภอกันตัง จังหวัดตรัง เนื้อที่รวมกว่า 100 ไร่เศษ หลังจากเมื่อวันที่ 13 กรกฎาคม 2559 ชุดเฉพาะกิจพญาเสือกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืชและคณะได้ทำการตรวจยึดจับกุมเพื่อตรวจสอบดำเนินคดีกับผู้กระทำความผิด
นายมาโนช วงษ์สุรีรัตน์ หัวหน้าอุทยานแห่งชาติหาดเจ้าไหม เปิดเผยว่า การถือสิทธิ์ครอบครองตามเอกสาร นส.3ก บนเกาะกระดาน มีความสลับซับซ้อนและมีการฟ้องร้องกันระหว่างนายทุนกับอุทยานแห่งชาติหาดเจ้าไหม จึงต้องทำการตรวจสอบที่มาของการออก นส.3ก ว่าได้มาชอบด้วยกฎหมายหรือไม่
ขณะที่พื้นที่ดังกล่าว เจ้าหน้าที่ได้ทำการตรวจสอบพื้นที่ตามระวางที่ดินที่ได้จากสำนักงานที่ดินจังหวัดตรัง สาขากันตัง ในการตรวจจับพิกัดจีพีเอสของที่ดินทั้ง 6 แปลง โดยที่ดิน 5 แปลงแรกอยู่บริเวณหัวแหลมของเกาะกระดานมีภูเขาคั่นกลาง ซึ่งทุกแปลงจะมีเนื้อที่จากชายหาดด้านฝั่งทิศตะวันออกข้ามภูเขาจดชายหาดด้านฝั่งทิศตะวันตก โดยปัจจุบันยังมีสภาพป่าบนภูเขาที่อุดมสมบูรณ์ตลอดแนวคั่นกลาง ซึ่งหากมีการซื้อขายไปอยู่ในมือของนายทุนสามารถจะสร้างรีสอร์ทครอบครองชายหาดได้ เป็นจุดชมพระอาทิตย์ขึ้น-ตกดินที่สวยงามและมีมูลค่ามหาศาล
ทั้งนี้ จากการตรวจสอบส่วนใหญ่แจ้งรายชื่อคนครอบครองไว้ 2 รายชื่อทับซ้อนกันในแปลงเดิม หรือบางรายมีชื่อครอบครองมากกว่า 1 แปลงและได้ขายเปลี่ยนมือให้กับนายทุนรายหนึ่งเป็นผู้ครอบครองสร้างรีสอร์ทหรู ซึ่งเจ้าหน้าที่ดีเอสไอได้ตรวจจับพิกัดจีพีเอสไว้ทั้ง 6 แปลงเพื่อนำไปประกอบการส่งสำนวนให้อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษรับไว้เป็นคดีพิเศษต่อไป
นายมาโนช วงษ์สุรีรัตน์ หัวหน้าอุทยานแห่งชาติหาดเจ้าไหม เปิดเผยว่า การถือสิทธิ์ครอบครองตามเอกสาร นส.3ก บนเกาะกระดาน มีความสลับซับซ้อนและมีการฟ้องร้องกันระหว่างนายทุนกับอุทยานแห่งชาติหาดเจ้าไหม จึงต้องทำการตรวจสอบที่มาของการออก นส.3ก ว่าได้มาชอบด้วยกฎหมายหรือไม่
ขณะที่พื้นที่ดังกล่าว เจ้าหน้าที่ได้ทำการตรวจสอบพื้นที่ตามระวางที่ดินที่ได้จากสำนักงานที่ดินจังหวัดตรัง สาขากันตัง ในการตรวจจับพิกัดจีพีเอสของที่ดินทั้ง 6 แปลง โดยที่ดิน 5 แปลงแรกอยู่บริเวณหัวแหลมของเกาะกระดานมีภูเขาคั่นกลาง ซึ่งทุกแปลงจะมีเนื้อที่จากชายหาดด้านฝั่งทิศตะวันออกข้ามภูเขาจดชายหาดด้านฝั่งทิศตะวันตก โดยปัจจุบันยังมีสภาพป่าบนภูเขาที่อุดมสมบูรณ์ตลอดแนวคั่นกลาง ซึ่งหากมีการซื้อขายไปอยู่ในมือของนายทุนสามารถจะสร้างรีสอร์ทครอบครองชายหาดได้ เป็นจุดชมพระอาทิตย์ขึ้น-ตกดินที่สวยงามและมีมูลค่ามหาศาล
ทั้งนี้ จากการตรวจสอบส่วนใหญ่แจ้งรายชื่อคนครอบครองไว้ 2 รายชื่อทับซ้อนกันในแปลงเดิม หรือบางรายมีชื่อครอบครองมากกว่า 1 แปลงและได้ขายเปลี่ยนมือให้กับนายทุนรายหนึ่งเป็นผู้ครอบครองสร้างรีสอร์ทหรู ซึ่งเจ้าหน้าที่ดีเอสไอได้ตรวจจับพิกัดจีพีเอสไว้ทั้ง 6 แปลงเพื่อนำไปประกอบการส่งสำนวนให้อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษรับไว้เป็นคดีพิเศษต่อไป