พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวถึงกรณีเกิดพายุฝนกระจายปกคลุมทั่วพื้นที่ทั้งหมดของกทม.ว่า กรมอุตุนิยมวิทยาคาดการณ์จะมีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 70 ของพื้นที่ ซึ่ง กทม.ได้เตรียมความพร้อมรับสถานการณ์ฝนอย่างต่อเนื่องมาตั้งแต่วันที่ 9 พ.ค.60 ปรากฏว่าในช่วงเช้ามืดวันนี้ (16 พ.ค.) มีฝนตกระดับปานกลาง-ฝนหนักในพื้นที่ตั้งแต่ 01.30 น. และตกต่อเนื่องจนถึง 09.30 น. โดยปริมาณฝนสะสมสูงสุดได้บริเวณสถานีวัดน้ำฝน อุทยานเบญจสิริ เขตคลองเตย 113 มิลลิเมตร สถานีสูบน้ำคลองสามเสน ตอนคลองแสนแสบ เขตห้วยขวาง วัดปริมาณฝนได้ 104 มิลลิเมตร สถานีสูบน้ำคลองแสนแสบ เขตวัฒนา วัดได้ 96 มิลลิเมตร และมีฝนตกทั่วกรุงเทพฯ โดยเฉลี่ย 60 มิลลิเมตร ส่งผลให้เกิดน้ำท่วมขังบริเวณจุดอ่อนน้ำท่วม และบนถนนสายหลักรวม 25 จุด อาทิ ซอยสุขุมวิท 26 เขตคลองเตย น้ำสูง 15-20 เซนติเมตร เต็มผิวจราจร ระยะทางประมาณ 1.2 กิโลเมตร ตั้งแต่ 03.50 น. น้ำแห้งปกติเวลา 08.30 น. รวมเวลา 4.40 ชั่วโมง ซอยสุขุมวิท 33-49 เขตวัฒนา น้ำสูง 15-20 เซนติเมตร เต็มผิวจราจร ระยะทางประมาณ 1 กิโลเมตร ตั้งแต่เวลา 04.00 น. น้ำแห้งปกติเวลา 06.50 น. รวมเวลา 2.50 ชั่วโมง และ ซอยลาดพร้าว 112 - คลองเจ้าคุณสิงห์ เขตวังทองหลาง น้ำสูง 20 เซนติเมตร จำนวน 2-3 ช่องจราจร ระยะทาง 300 เมตร ตั้งแต่เวลา 04.00 น. และน้ำแห้งปกติเวลา 07.30 น. รวมเวลา 3.30 ชั่วโมง
ทั้งนี้ กทม.ได้สั่งการให้ทุกสำนักงานเขตตั้งศูนย์ปฏิบัติการป้องกัน และแก้ปัญหาน้ำท่วมขังในพื้นที่ กทม. ตั้งแต่วันที่ 9 พ.ค.60 เพื่อเฝ้าระวังสถานการณ์พายุฤดูร้อน และเตรียมพร้อมรับมือฤดูฝนที่จะเริ่มขึ้นอย่างเป็นทางการตั้งแต่กลางเดือน พ.ค.เป็นต้นไป ซึ่งได้มอบนโยบายให้สำนักการระบายน้ำ และสำนักงานเขตร่วมมือกันเร่งระบายน้ำออกจากจุดที่ท่วมขังให้เร็วขึ้น อย่างช้าที่สุดภายใน 3 ชั่วโมง โดยเร่งระบายน้ำออกจากถนนสายหลักให้แล้วเสร็จก่อน จากนั้นเร่งระบายน้ำบนถนนสายรอง และถนนซอยให้เร็วที่สุดเป็นไปตามสภาพพื้นที่ต่อไป โดยสรุปภาพรวมน้ำเร่งระบายบนถนนสายหลัก 25 จุด ในวันนี้ กทม.สามารถแก้ไขปัญหาน้ำท่วมขัง เพื่อลดผลกระทบจราจรในวันเปิดเทอมวันแรก โดยเจ้าหน้าที่เร่งระบายน้ำบนถนนสายหลักแห้งทั้งหมดก่อนเวลา 07.00 น.
สำหรับภาพรวมสภาพน้ำท่วมขังบนถนนสุขุมวิท เมื่อเปรียบเทียบประสิทธิภาพการระบายน้ำเมื่อปี 2559 พบว่า ปี 2559 ใช้เวลาระบาย 3.45 ชั่วโมง ปริมาณฝน 116 มิลลิเมตร ขณะที่ปี 2560 ปริมาณฝนตก 113 มิลลิเมตร ใช้เวลาในการระบายน้ำ 2.45 ชั่วโมง เร็วกว่าเดิม 1 ชั่วโมง ซึ่งหากติดตั้งเครื่องสูบน้ำ และระบบระบายน้ำบริเวณสุขุมวิทแล้วเสร็จภายในสัปดาห์นี้ คาดว่า กทม.จะสามารถระบายน้ำได้เร็วขึ้น อย่างไรก็ตาม จากผลการแก้ไขปัญหาน้ำท่วมขังแสดงให้เห็นถึงประสิทธิภาพการระบายน้ำของกทม. รวมถึงการเสียสละ และตั้งใจทำงานของเจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายอย่างเต็มความสามารถ เพื่อลดปัญหาจราจรและบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนได้ดียิ่งขึ้น
ทั้งนี้ กทม.ได้สั่งการให้ทุกสำนักงานเขตตั้งศูนย์ปฏิบัติการป้องกัน และแก้ปัญหาน้ำท่วมขังในพื้นที่ กทม. ตั้งแต่วันที่ 9 พ.ค.60 เพื่อเฝ้าระวังสถานการณ์พายุฤดูร้อน และเตรียมพร้อมรับมือฤดูฝนที่จะเริ่มขึ้นอย่างเป็นทางการตั้งแต่กลางเดือน พ.ค.เป็นต้นไป ซึ่งได้มอบนโยบายให้สำนักการระบายน้ำ และสำนักงานเขตร่วมมือกันเร่งระบายน้ำออกจากจุดที่ท่วมขังให้เร็วขึ้น อย่างช้าที่สุดภายใน 3 ชั่วโมง โดยเร่งระบายน้ำออกจากถนนสายหลักให้แล้วเสร็จก่อน จากนั้นเร่งระบายน้ำบนถนนสายรอง และถนนซอยให้เร็วที่สุดเป็นไปตามสภาพพื้นที่ต่อไป โดยสรุปภาพรวมน้ำเร่งระบายบนถนนสายหลัก 25 จุด ในวันนี้ กทม.สามารถแก้ไขปัญหาน้ำท่วมขัง เพื่อลดผลกระทบจราจรในวันเปิดเทอมวันแรก โดยเจ้าหน้าที่เร่งระบายน้ำบนถนนสายหลักแห้งทั้งหมดก่อนเวลา 07.00 น.
สำหรับภาพรวมสภาพน้ำท่วมขังบนถนนสุขุมวิท เมื่อเปรียบเทียบประสิทธิภาพการระบายน้ำเมื่อปี 2559 พบว่า ปี 2559 ใช้เวลาระบาย 3.45 ชั่วโมง ปริมาณฝน 116 มิลลิเมตร ขณะที่ปี 2560 ปริมาณฝนตก 113 มิลลิเมตร ใช้เวลาในการระบายน้ำ 2.45 ชั่วโมง เร็วกว่าเดิม 1 ชั่วโมง ซึ่งหากติดตั้งเครื่องสูบน้ำ และระบบระบายน้ำบริเวณสุขุมวิทแล้วเสร็จภายในสัปดาห์นี้ คาดว่า กทม.จะสามารถระบายน้ำได้เร็วขึ้น อย่างไรก็ตาม จากผลการแก้ไขปัญหาน้ำท่วมขังแสดงให้เห็นถึงประสิทธิภาพการระบายน้ำของกทม. รวมถึงการเสียสละ และตั้งใจทำงานของเจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายอย่างเต็มความสามารถ เพื่อลดปัญหาจราจรและบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนได้ดียิ่งขึ้น