วันนี้ (14 พ.ค.) บรรยากาศการไว้อาลัยและกราบสักการะพระบรมศพ ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ในพระบรมมหาราชวัง ซึ่งดำเนินมาเป็นวันที่ 193 ตลอดทั้งวันยังคงมีประชาชนจากทั่วสารทิศทั้งกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด เดินทางมากราบสักการะพระบรมศพอย่างต่อเนื่อง ด้วยความสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณเป็นล้นพ้น
นายจำเนียร หมีโชติ อายุ 72 ปี พสกนิกร อำเภอบ้านตาก จ.ตาก ได้เดินทางกันมากับชมรมผู้สูงอายุ จำนวน 20คน โดยออกเงินคนละ 700 บาท แล้วเหมารถบัสขนาดเล็กมาจาก จ.ตาก ซึ่งได้ออกเดินทางมาตั้งแต่เช้าเมื่อวานนี้ แล้วมาพักที่ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ก่อนที่จะออกเดินทางกันมาเช้าตรู่ของวันนี้ และได้เข้ากราบสักการะพระบรมศพ เมื่อเวลา 11.00 น.
โดยนายจำเนียร กล่าวว่า มาสักการะพระบรมศพมากกว่า 1 ครั้งแล้ว และทุกครั้งที่ได้กราบพระบรมศพ ความเหนื่อย ความเมื่อยล้า ก็หายเป็นปลิดทิ้ง เพราะทุกคนตั้งใจมากราบสักการะพระบรมศพด้วยจิตใจบริสุทธิ์ที่อยากจะมากราบในหลวง ร.9 อย่างใกล้ชิดสักครั้งหนึ่ง เพราะพระองค์ทรงเป็นพระมหากษัตริย์ที่ยิ่งใหญ่ ทรงทุ่มเทพระวรกายอย่างมิได้ทรงเหน็ดเหนื่อยเพื่อให้พสกนิกรมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น โดยเฉพาะภาพพระบรมฉายาลักษณ์ที่พระเสโทไหลระหว่างที่ทรงงานซึ่งมองกี่ครั้งน้ำตาก็ไหลตลอด
น.ส.ฐิติมา แสงบัวเผื่อน อายุ 32 ปี พนักงานเอกชนแห่งหนึ่ง ซึ่งพายาย นางดวงใจ ชอบไว อายุ 76 ปี จากย่านมีนบุรี กล่าวว่า แม้จะมาสักการะพระบรมศพเป็นครั้งแรก แต่ก็ได้มาท้องสนามหลวงหลายครั้งนับแต่ในหลวง ร.9 เสด็จสวรรคต ก่อนหน้านี้มาในเวลาเย็นเกินไปกลัวว่าจะไม่มีรถกลับบ้านจึงไม่ได้เข้าไปกราบ ดีใจที่วันนี้มีโอกาสได้พายายมากราบสักที ก่อนหน้านี้ก็ได้ฟังคนพูดมาหลายคนว่าเวลาที่ได้ขึ้นไปข้างบนจะเป็นช่วงสั้นนิดเดียว ก็พยายามเก็บความทรงจำทุกอย่างไว้ และขออธิษฐานขอบุญบารมีของพระองค์ดลบันดาลใจชีวิตเจอแต่สิ่งที่ดี แม้จะไม่ค่อยมีเวลาก็พยายามติดตามข่าวพระราชกรณียกิจอยู่เสมอ รวมทั้งพระราชจริยวัตรต่างๆ โดยเฉพาะความรักเดียวใจเดียวที่พระองค์ทรงมีให้กับสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ แม้ว่าพระองค์จะทรงเป็นพระเจ้าแผ่นดิน ซึ่งเป็นต้นแบบให้กับการใช้ชีวิตเราได้อย่างดี เช่นเดียวกับการประหยัด ไม่ฟุ่มเฟือย นั่นเพราะไม่รู้ว่าอนาคตข้างหน้าจะต้องเจอกับอะไร
ขณะที่ นางดวงใจ กล่าวว่า แม้จะต้องมาเข้าคิวตั้งแต่หกโมง แล้วมีฝนตกหนัก ก็ไม่รู้สึกเหน็ดเหนื่อยใดๆ ดีใจมากกว่าที่มีโอกาสได้มาสักที แม้ตาจะมองไม่ค่อยเห็นแต่ก็พยายามเก็บทุกความรู้สึก ได้แต่ขอให้พระองค์เสด็จฯสู่สวรรคาลัย ตลอดชีวิตมาก็ได้ติดตามข่าวในพระราชสำนักอยู่เสมอ แม้ความทรงจำจะไม่ค่อยดี แต่ก็จดจำได้ว่าประทับใจในภาพที่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช เสด็จฯเยี่ยมประชาชนในจังหวัดเชียงใหม่ ทรงให้ประชาชนเพาะปลูกพืชผักแทนการปลูกฝิ่น ทำให้ชีวิตคนดีขึ้น จากนี้จะนำเอาคำสอนต่างๆ มาใช้ต่อไป
ด้าน น.ส.ธันชนก แสงศรี อายุ 29 ปี พสกนิกรชาวมีนบุรี เดินทางมาเข้าคิวรอกราบสักการะพระบรมศพตั้งแต่เวลา 06.30 น. เปิดเผยว่า ตั้งใจอยากมากราบพระบรมศพนานแล้ว แต่เพิ่งมีโอกาสหยุดงานจึงเดินทางพร้อมแฟนมากราบพระบรมศพเป็นครั้งแรก ไม่ลำบากเหมือนที่คิดไว้ รู้สึกดีที่ในที่สุดก็ได้มากราบพระบรมศพอย่างที่ตั้งใจ ตอนกราบก็ระลึกถึงสิ่งที่ท่านทรงทำไว้เพื่อพวกเราเสมอมา ที่ประทับใจที่สุดคือหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง เพราะสอนให้คนรู้จักดำเนินชีวิตอย่างพอเพียง ส่วนตัวก็นำมาปรับใช้กับตัวเองด้วยการใช้เงินและทรัพยากรทุกอย่างด้วยความประหยัด มีแค่ไหนใช้แค่นั้น แม้ไม่เคยเฝ้าฯรับเสด็จ แต่ภาพพระองค์เสด็จฯ ไปตามพื้นที่ทุรกันดาร ยอมเหนื่อยยอมลำบากเพื่อช่วยเหลือประชาชน ซึ่งถ่ายทอดตามสื่อต่างๆ ยังติดตรึงอยู่ในใจเสมอ หากมีโอกาสก็อยากมากราบพระองค์ท่านอีก
นายจำเนียร หมีโชติ อายุ 72 ปี พสกนิกร อำเภอบ้านตาก จ.ตาก ได้เดินทางกันมากับชมรมผู้สูงอายุ จำนวน 20คน โดยออกเงินคนละ 700 บาท แล้วเหมารถบัสขนาดเล็กมาจาก จ.ตาก ซึ่งได้ออกเดินทางมาตั้งแต่เช้าเมื่อวานนี้ แล้วมาพักที่ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ก่อนที่จะออกเดินทางกันมาเช้าตรู่ของวันนี้ และได้เข้ากราบสักการะพระบรมศพ เมื่อเวลา 11.00 น.
โดยนายจำเนียร กล่าวว่า มาสักการะพระบรมศพมากกว่า 1 ครั้งแล้ว และทุกครั้งที่ได้กราบพระบรมศพ ความเหนื่อย ความเมื่อยล้า ก็หายเป็นปลิดทิ้ง เพราะทุกคนตั้งใจมากราบสักการะพระบรมศพด้วยจิตใจบริสุทธิ์ที่อยากจะมากราบในหลวง ร.9 อย่างใกล้ชิดสักครั้งหนึ่ง เพราะพระองค์ทรงเป็นพระมหากษัตริย์ที่ยิ่งใหญ่ ทรงทุ่มเทพระวรกายอย่างมิได้ทรงเหน็ดเหนื่อยเพื่อให้พสกนิกรมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น โดยเฉพาะภาพพระบรมฉายาลักษณ์ที่พระเสโทไหลระหว่างที่ทรงงานซึ่งมองกี่ครั้งน้ำตาก็ไหลตลอด
น.ส.ฐิติมา แสงบัวเผื่อน อายุ 32 ปี พนักงานเอกชนแห่งหนึ่ง ซึ่งพายาย นางดวงใจ ชอบไว อายุ 76 ปี จากย่านมีนบุรี กล่าวว่า แม้จะมาสักการะพระบรมศพเป็นครั้งแรก แต่ก็ได้มาท้องสนามหลวงหลายครั้งนับแต่ในหลวง ร.9 เสด็จสวรรคต ก่อนหน้านี้มาในเวลาเย็นเกินไปกลัวว่าจะไม่มีรถกลับบ้านจึงไม่ได้เข้าไปกราบ ดีใจที่วันนี้มีโอกาสได้พายายมากราบสักที ก่อนหน้านี้ก็ได้ฟังคนพูดมาหลายคนว่าเวลาที่ได้ขึ้นไปข้างบนจะเป็นช่วงสั้นนิดเดียว ก็พยายามเก็บความทรงจำทุกอย่างไว้ และขออธิษฐานขอบุญบารมีของพระองค์ดลบันดาลใจชีวิตเจอแต่สิ่งที่ดี แม้จะไม่ค่อยมีเวลาก็พยายามติดตามข่าวพระราชกรณียกิจอยู่เสมอ รวมทั้งพระราชจริยวัตรต่างๆ โดยเฉพาะความรักเดียวใจเดียวที่พระองค์ทรงมีให้กับสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ แม้ว่าพระองค์จะทรงเป็นพระเจ้าแผ่นดิน ซึ่งเป็นต้นแบบให้กับการใช้ชีวิตเราได้อย่างดี เช่นเดียวกับการประหยัด ไม่ฟุ่มเฟือย นั่นเพราะไม่รู้ว่าอนาคตข้างหน้าจะต้องเจอกับอะไร
ขณะที่ นางดวงใจ กล่าวว่า แม้จะต้องมาเข้าคิวตั้งแต่หกโมง แล้วมีฝนตกหนัก ก็ไม่รู้สึกเหน็ดเหนื่อยใดๆ ดีใจมากกว่าที่มีโอกาสได้มาสักที แม้ตาจะมองไม่ค่อยเห็นแต่ก็พยายามเก็บทุกความรู้สึก ได้แต่ขอให้พระองค์เสด็จฯสู่สวรรคาลัย ตลอดชีวิตมาก็ได้ติดตามข่าวในพระราชสำนักอยู่เสมอ แม้ความทรงจำจะไม่ค่อยดี แต่ก็จดจำได้ว่าประทับใจในภาพที่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช เสด็จฯเยี่ยมประชาชนในจังหวัดเชียงใหม่ ทรงให้ประชาชนเพาะปลูกพืชผักแทนการปลูกฝิ่น ทำให้ชีวิตคนดีขึ้น จากนี้จะนำเอาคำสอนต่างๆ มาใช้ต่อไป
ด้าน น.ส.ธันชนก แสงศรี อายุ 29 ปี พสกนิกรชาวมีนบุรี เดินทางมาเข้าคิวรอกราบสักการะพระบรมศพตั้งแต่เวลา 06.30 น. เปิดเผยว่า ตั้งใจอยากมากราบพระบรมศพนานแล้ว แต่เพิ่งมีโอกาสหยุดงานจึงเดินทางพร้อมแฟนมากราบพระบรมศพเป็นครั้งแรก ไม่ลำบากเหมือนที่คิดไว้ รู้สึกดีที่ในที่สุดก็ได้มากราบพระบรมศพอย่างที่ตั้งใจ ตอนกราบก็ระลึกถึงสิ่งที่ท่านทรงทำไว้เพื่อพวกเราเสมอมา ที่ประทับใจที่สุดคือหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง เพราะสอนให้คนรู้จักดำเนินชีวิตอย่างพอเพียง ส่วนตัวก็นำมาปรับใช้กับตัวเองด้วยการใช้เงินและทรัพยากรทุกอย่างด้วยความประหยัด มีแค่ไหนใช้แค่นั้น แม้ไม่เคยเฝ้าฯรับเสด็จ แต่ภาพพระองค์เสด็จฯ ไปตามพื้นที่ทุรกันดาร ยอมเหนื่อยยอมลำบากเพื่อช่วยเหลือประชาชน ซึ่งถ่ายทอดตามสื่อต่างๆ ยังติดตรึงอยู่ในใจเสมอ หากมีโอกาสก็อยากมากราบพระองค์ท่านอีก