xs
xsm
sm
md
lg

ศาสตร์พระราชาสู่การพัฒนาอย่างยั่งยืน (12 พ.ค.)

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

สวัสดีครับพ่อแม่พี่น้องชาวไทยที่รักทุกท่าน วันนี้เป็นวันพืชมงคล ซึ่งเป็นวันสำคัญวันหนึ่งของพี่น้องชาวไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งพี่น้องเกษตรกร ผู้ถือว่าเป็นกระดูกสันหลังของชาติ เป็นเสาหลักที่ช่วยค้ำยันเศรษฐกิจของประเทศ เราจึงได้ยกวันนี้ให้เป็นวันเกษตรกรอีกด้วย
        
         สำหรับพิธีแรกนาขวัญ ที่ได้จัดขึ้นเมื่อเช้านี้ ถือว่าเป็นประเพณีโบราณของไทย ที่มีการทำทั้งพิธีพุทธ ซึ่งก็คือ พระราชพิธีพืชมงคล ในการทำขวัญเมล็ดพืชพันธุ์ต่างๆ เพื่อให้ปราศจากโรคภัย และเจริญเติบโตได้ดี และมีพิธีพราหมณ์ก็ถือเป็นพิธีที่เราเรียกกันว่า พิธีจรดพระนังคัลแรกนาขวัญ ที่เป็นการเริ่มไถนาเพื่อหว่านเมล็ดข้าว เพื่อให้เป็นอาณัติสัญญาณว่าฤดูเพาะปลูกได้เริ่มขึ้นแล้ว และเราก็ถือว่าเป็นการเอาฤกษ์เอาชัยอันเป็นมงคลในช่วงการเพาะปลูกของปีที่กำลังมาถึง
        
         ในการนี้ กรมการข้าว ที่เป็นผู้ดำเนินการปลูกข้าว ณ แปลงนาทดลอง ในโครงการส่วนพระองค์ สวนจิตรลดา ในฤดูนาปี 2559 ได้ขอพระราชทานพันธุ์ข้าวทรงปลูกพระราชทาน ทั้งข้าวนาสวน และข้าวไร่ จำนวน 11 พันธฺุ์ เพื่อใช้ในพระราชพิธี โดยเมล็ดพันธุ์ข้าวเปลือกที่นำมาใช้มีน้ำหนักรวมทั้งสิ้น 2,865 กิโลกรัม และจัดเป็นพันธุ์ข้าวทรงปลูกพระราชทานที่ได้บรรจุในซองแจกจ่ายให้บรรดาพสกนิกร ประชาชน และกับชาวนาทั่วประเทศ ทั้งนี้ ก็เพื่อเป็นมิ่งขวัญและเป็นสิริมงคลในการประกอบอาชีพการเกษตรตามประเพณีนิยม เพื่อให้เป็นไปตามพระราชประสงค์สืบไปด้วย
        
         รัฐบาลนี้มีความตั้งใจอย่างแน่วแน่ที่จะสนับสนุนและยืนเคียงข้างพี่น้องเกษตรกรตลอดมา ในโอกาสนี้พวกเราขอส่งแรงใจให้พี่น้องเกษตรกรสำหรับฤดูกาลเพระปลูกที่กำลังจะเริ่มขึ้น โดยผมและรัฐบาลจะดำเนินมาตรการเพื่อดูแลและสนับสนุนพี่น้องเกษตรกรอย่างเต็มความสามารถ เพื่อสร้างความมั่นคงและยั่งยืนด้านความเป็นอยู่และรายได้ของพี่น้องเกษตรกรทุกด้านด้วย
        
         ผมขอเรียนว่า การแก้ปัญหาในภาคเกษตร และการช่วยเหลือพี่น้องชาวไร่ ชาวนา ชาวสวน และเกษตรกรด้านอื่นๆ นั้น ไม่ใช่เพียงพูดว่าปล่อยให้เป็นไปตามความรู้ ความชำนาญ หรือประสบการณ์ที่มีมาตั้งแต่โบราณกาลก็จะสำเร็จนะครับ นั่นเป็นส่วนหนึ่ง ซึ่งเป็นวัฒนธรรม อัตลักษณ์ของเกษตรกรไทยอยู่แล้ว อันนี้ไม่มีใครที่จะมาเปลี่ยนแปลงได้ แต่เราก็ต้องถือว่าวันนี้เป็นส่วนหนึ่งที่เราจะต้องมีการปรับปรุงและพัฒนาให้ได้ประโยชน์มากยิ่งขึ้น โดยปัจจุบันนั้น สภาพแวดล้อม สภาพอากาศ และความต้องการสินค้าเกษตร ได้เปลี่ยนแปลงไปมากในสังคมโลกในวันนี้ แต่ละพื้นที่มีสภาพแตกต่างกัน ทำให้เราต้องวิเคราะห์ให้ดีว่าพื้นที่ที่ใช้ในการเพาะปลูกควรจะมีลักษณะอย่างไร ทั้งที่มีอยู่ในเขตหรือนอกเขตชลประทาน มีการกักเก็บน้ำมาอย่างต่อเนื่อง เพียงพอหรือไม่ แม้แต่ระบบส่งน้ำ กระจายน้ำ ที่อาจจะยังไม่เพียงพอ และยังเข้าถึงพื้นที่ได้ไม่ทั่วถึง มากบ้าง น้อยบ้าง มีการใช้เครื่องมือ เครื่องจักร เข้าช่วยในการผลิตหรือไม่ ได้มีการใช้เทคโนโลยีและความรู้ด้านต่างๆ มาพัฒนา มาใช้ปฏิบัติอย่างจริงจังแล้วหรือยัง
        
         ปัจจัยเหล่านี้ล้วนส่งผลต่อต้นทุนการผลิตและความสามารถในการเข้าสู่ตลาดของผลผลิต รวมถึงรายได้ของเกษตรกรด้วย อันนี้เป็นกังวล เป็นห่วง
        
         ที่ผ่านมานั้น รัฐบาลใช้เวลาตลอดระยะเวลา 3 ปี ได้มีการแก้ไข ปรับปรุง พัฒนา ทุกขั้นตอน ที่เรียกว่าครบวงจร พร้อมกับสื่อสารกับพี่น้องประชาชน เกษตรกร ชาวไร่ ชาวนา มาอย่างต่อเนื่อง เราไม่ได้เพียงแต่บอกว่าท่านจะต้องทำอะไร หรือบังคับท่านอย่างโน้นอย่างนี้ อย่างที่มีการกล่าวอ้างกัน แต่เราจะบอกว่า ราคาผลผลิตมันจะขึ้น จะลง จะต่ำ จะสูง ในช่วงใด ราคาเท่าไร เราต้องเตรียมความพร้อมอย่างไร ช่วงไหนจะเก็บน้ำได้มากขึ้น ช่วงไหนจะขาดน้ำ ช่วงไหนจะต้องพบกับปัญหาจากภัยธรรมชาติ และเราจะต้องเตรียมรับมืออย่างไร พื้นที่ใดจะประสบปัญหา พื้นที่ใดเหมาะสม ควรจะปลูกพืชชนิดใด ทั้งหมดนี้ถือว่าเป็นการสร้างการรับรู้แบบครบวงจร ซึ่งเป็นหนึ่งในการช่วยแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า เพื่อให้พี่น้องเกษตรกรสามารถปรับตัวได้ เพื่อมีการเตรียมตัวรองรับความเสี่ยง และสามารถรักษารายได้ให้สามารถดำเนินชีวิตไปได้อย่างราบรื่น
        
         แต่ในการแก้ปัญหาเหล่านี้จะต้องแก้ให้ครบวงจรด้วย ทั้งต้นทาง กลางทาง และปลายทาง ของแต่ละกระบวนการ ทั้งการปลูก การแปรรูป การนำออกขาย และการพัฒนาเป็นนวัตกรรม ซึ่งทั้งหมดนี้แน่นอนว่าจะต้องสัมพันธ์กับการบริหารจัดการน้ำอย่างแนบแน่น เพราะเป็นปัจจัยหลักที่มีความเชื่อมโยงกับการเกษตรและความอุดมสมบูรณ์ของผลผลิตของเรามาอย่างยาวนาน มีปัญหามากมายนะครับ
        
         แต่ก็ยังมีพี่น้องเกษตรกรบางท่านที่อาจจะยังไม่ยอมรับการเปลี่ยนแปลง ยังคงคุ้นชินกับการกระทำแบบเดิมๆ สิ่งเดิมๆ ก็อาจจะได้รับการชี้นำเดิมๆ ด้วย ที่ยังไม่ได้ปรับให้เข้ากับสภาวะแวดล้อมใหม่ๆ อาจจะไม่ได้ดู ไม่ได้ระวัง ตั้งแต่ต้นทางของการทำเกษตรกรรม ก็คงเคยชินทำกันแบบเดิมๆ ส่วนใหญ่จะเป็นการจ้าง เพราะว่าแรงงานทำไร่นาปัจจุบันนั้น ลูกหลานก็ไม่ค่อยทำ เข้ามาทำงานในเมืองใหญ่ๆ ในกรุงเทพฯ บ้างอะไรบ้าง ก็ไม่เป็นไรนะครับ ก็คงเหลือแต่พ่อแม่ หรือผู้มีอายุ ทำไร่ ทำนา อยู่ในปัจจุบัน อยู่อีกเป็นจำนวนมาก ก็อาจจะปรับตัวไม่ทัน เดิมอาจจะเป็นเจ้าของที่ดิน นำไปใช้ในการเพาะปลูก แต่อาจจะไม่ได้ปรับเปลี่ยนวิธีการ หรือใช้เทคโนโลยี ใช้นวัตกรรมอะไรบ้างเลย ใช้แรงงานเหมือนเดิมทั้งหมด ก็ทำให้ไม่มีการรักษาผืนดินให้ดีขึ้น ผลผลิตก็ออกมาน้อย หรือเมื่อเกิดภัยธรรมชาติ ก็เสียหายมาก มีการใช้สารเคมี ทำให้ดินเสีย ดินเสื่อม เหล่านี้นำไปสู่การมีหนี้สิน และทำให้เกิดภาระผูกพัน กลายเป็นจากเจ้าของนา เจ้าของไร่ เป็นต้องเช่าที่ดินจากนายทุน เมื่อรายได้ไม่เพียงพอ ไม่พอใช้ ก็ต้องกู้ยืมเพิ่ม พอกพูนบนหนี้สินเดิม ทั้งหนี้ในระบบ นอกระบบ จนไม่สามารถจะปลดตัวเองจากพันธสัญญากับเจ้าของที่ดิน หรือเจ้าของโรงสีได้ ก็จะวนเวียนไปมาแบบนี้
        
         ผมพูดเพราะอยากให้มองให้เห็นภาพ อยากให้มองให้ครบ ทำให้เราจำเป็นต้องลุกขึ้นมาปรับเปลี่ยน ปรับตัว ฟังให้รอบด้าน ทั้งนี้ เพื่อจะได้นำความรู้ใหม่ๆ มาใช้ประโยชน์ ก็ไม่ยากจนเกินไปนะครับ ถ้าทุกคนได้ติดตาม ค่อยๆ เปลี่ยนแปลงของตัวเอง เปลี่ยนเร็ว ก็มีรายได้เพิ่มขึ้นอย่างเร็วขึ้น
        
         พี่น้องประชาชนที่รักทุกท่านครับ วันนี้ เราทราบดีว่าหลายประเทศมีการลงทุนปลูกข้าวกันเอง ทั้งในประเทศ และพื้นที่ต่างประเทศแล้ว หลายประเทศวันนี้ก็จะหาซื้อข้าวคุณภาพที่มีราคาถูกลงเพื่อการบริโภค ซึ่งก็เริ่มมีออกมาแข่งขันกันมากขึ้นในตลาด ราคาแตกต่างกันมาก ระบบการซื้อขายข้าวในตลาดล่วงหน้าก็อาจทำให้เกิดการเก็งกำไร เกิดความกังวลในปัญหาร้อยแปดพันเก้าที่จะต้องส่งผลกระทบต่อราคาและผลผลิตข้าว ราคาข้าวในตลาดล่วงหน้าจึงมีความผันผวนมากกว่า ขณะเดียวกัน ระบบพ่อค้าคนกลาง ที่อาจจะมีการตัดราคาซื้อ บวกราคาขาย ที่บางครั้งอาจจะไม่เป็นธรรม ยังคงมีอยู่ เหล่านี้เป็นปัญหาซับซ้อนของพี่น้องชาวเกษตรกรมาอย่างยาวนาน
        
         รัฐบาลนี้มีความมุ่งมั่นอย่างเต็มที่ในการที่จะแก้ปัญหาแบบยั่งยืน ช่วยเหลือพี่น้องเกษตรกรให้ผ่านพ้นปัญหาไปได้ในระยะสั้นที่สุด และสามารถปรับตัวได้ สร้างรายได้ให้ได้อย่างยั่งยืนในระยะยาว
        
         ลองคิดดูนะครับว่าทำไมรัฐบาลนี้จะต้องมาทำน้ำประปาที่ยังขาดอยู่อีก 7,000 กว่าหมู่บ้าน ทำไมจะต้องมาซ่อมที่เก็บน้ำเกือบ 20,000 แห่ง ทั้งๆ ที่ได้โอนให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นไปดูแลแล้ว ก็ไม่ได้โทษองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น รัฐบาลต้องกำกับดูแล ติตาม ดูแลเรื่องงบประมาณ ดูแลเรื่องวิธีการ ทำได้หรือไม่ได้ ไม่ได้จะทำอย่างไร วันนี้ก็พยายามติดตามในเรื่องนี้อยู่ด้วย ที่ผ่านมานั้นอาจจะมีปัญหาอยู่บ้าง
        
         ขณะเดียวกัน เราก็คงจะต้องเร่งการก่อสร้าง ระบบส่งน้ำที่ไม่สมบูรณ์ หรือไปสร้างในที่ๆ ไม่ควรจะสร้าง ไม่มีแหล่งน้ำต้นทุน เหล่านี้เป็นสิ่งที่เราไม่ได้ทำมาอย่างต่อเนื่อง ไม่มีประสิทธิภาพเพียงพอ ไม่มีแหล่งน้ำต้นทุน ก็เพราะว่าน้ำนั้นเป็นปัจจัยการผลิตที่สำคัญในการทำเกษตรกรทุกชนิดนั่นเอง
        
         รัฐบาลนี้ได้นำปัญหาต่างๆ มาพิจารณาทั้งหมด แต่ทยอยดำเนินการไปในทุกมิติ ทั้งซ่อมแซมสิ่งที่ชำรุด สร้างเพิ่มในส่วนที่ไม่เพียงพอ ผมก็อยากให้ไปดูว่าหลายๆ อย่างมีความก้าวหน้าไปมากพอสมควร รัฐบาลได้พยายามเป็นอย่างยิ่งที่จะแก้ไขปัญหาแบบครบวงจร โดยให้ทุกฝ่าย ทั้งเกษตรกร นายทุน พ่อค้าคนกลาง โรงงาน รวมถึงนักวิชาการ เข้ามามีส่วนร่วมและพยายามที่จะเข้าใจปัญหาร่วมกัน ช่วยกันพูดคุย หารือสิ่งที่ต้องแก้ไข แล้วก็แก้ไขไปด้วยกัน เข้ามาช่วยกันทำงาน ติเพื่อก่อ ไม่อยากให้พูดแค่ว่าเป็นห่วงเป็นใยเกษตรกร แล้วก็พูดแต่เพียงว่าทำไมรัฐบาลไม่ทำสิ่งโน้นสิ่งนี้ ก็อยากให้ทุกคนมาช่วยกันระดมความคิดเห็น แล้วหาวิถีทางตัดสินใจให้ได้ว่าอะไรที่เราจะทำร่วมกันได้บ้าง ช่วยกันสนับสนุน เป็นกำลังใจให้กัน มากกว่าติแต่เพียงอย่างเดียว ปัญหามันไม่ใช่แก้ได้ง่ายๆ แต่เราก็พยายามอย่างเต็มที่แล้ว จะเห็นได้ว่าเราพยายามมามากมาย
        
         การจะทำให้ผลผลิตต่อไร่เพิ่มขึ้น เราจะต้องดำเนินการแบบครบวงจร อย่างที่ผมได้กล่าวไปแล้วข้างต้น ต้องใส่ใจลงไปในการเพาะปลูก เริ่มจากการปรับปรุงพันธุ์ การรักษา และการพัฒนาดิน การใช้ปุ๋ยที่ไม่ทำลายคุณภาพของดิน หรือใช้แล้วก็ต้องมีวิธีพลิกฟื้นผืนดิน เพื่อให้เราสามารถใช้ผืนดินให้เกิดประโยชน์สูงสุด ดีขึ้นกว่าเดิม ต้องรู้จักให้ และรู้จักรับ จากผืนดินที่เป็นแหล่งอาหารและรายได้ของพวกเราทุกคน สร้างให้ผลผลิตมีคุณภาพ สร้างชื่อ สร้างความน่าเชื่อถือ นำนวัตกรรมมาปรับใช้ และหาตลาดใหม่ๆ เพิ่มเติม ซึ่งจะนำมาซึ่งรายได้ที่ยั่งยืน
        
         ที่ผ่านมานั้น หลายพื้นที่ จากการสำรวจ มีการใช้ทั้งปุ๋ยเคมี ยาฆ่าแมลง มีการเร่งปลูกข้าว เร่งปลูกพืชคุณภาพต่ำ เน้นให้ได้ปริมาณมากเอาไว้ ปลูกหลายๆ ครั้งเพื่อจะนำออกมาขายให้ได้มากที่สุด คุณภาพก็ไม่ดี ขายก็ลำบาก ราคาก็ต่ำ ทำให้มีปัญหาต้องหาที่เก็บไว้อีก เมื่อจะนำออกมาขาย ขายภาครัฐ รัฐก็ระบายออกให้ได้ยาก หรือขายเองก็ราคาต่ำมาก สิ่งเหล่านี้ทำให้ทุกอย่างเกิดความเสียหาย เราต้องใช้เวลาในการซ่อมแซมให้กลับมาให้ได้โดยเร็ว ถ้าหากเราทำให้เสียหายเช่นนี้อีกต่อไป เราจะแก้ไขปัญหาอีกไม่ได้ เพราะฉะนั้นเมื่อเราเห็นปัญหาแล้ว เราก็ต้องพยายามแก้ไขปัญหากันต่อไปอย่างเต็มที่ ทั้งปัญหาเฉพาะหน้า และการปรับเปลี่ยน เพิ่มคุณภาพ ของการเพาะปลูกในระยะยาวอีกด้วย
        
         วันนี้ผมขอยกตัวอย่างความพยายามของภาครัฐที่จะดำเนินมาตรการเพื่อช่วยเหลือเกษตรกรในเรื่องของความก้าวหน้าของนโยบายที่จะส่งเสริมภาคเกษตรอย่างยั่งยืน สำหรับการปลูกข้าว โดยรัฐบาลได้กำหนดให้ปี 2560 เป็นปีแห่งการยกระดับมาตรฐานสินค้าเกษตร เพื่อสร้างมูลค่าและรายได้ให้กับพี่น้องเกษตรกรอย่างยั่งยืน
        
         สำหรับข้าวจะมีการดำเนินการ 3 โครงการหลัก ได้แก่ 1. โครงการส่งเสริมเกษตรแปลงใหญ่ 2.การใช้เมล็ดพันธุ์ข้าวหอมมะลิคุณภาพดี และ 3.โครงการส่งเสริมการผลิตข้าวอินทรีย์ โดยมีระยะเวลาการดำเนินงาน 5 ปี งบประมาณรวม 25,871.14 ล้านบาท ทั้งนี้ ได้มีการเร่งรัดให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้มีการส่งเสริมเกษตรแปลงใหญ่โดยเพิ่มพื้นที่เป็น 750 แปลง เนื้อที่เพิ่มขึ้นอีก 0.75 ล้านไร่ พร้อมทั้งส่งเสริมการใช้เมล็ดพันธุ์ข้าวหอมมะลิคุณภาพดีใน 21 จังหวัด รวมพื้นที่ 300,000 ไร่ และขยายพื้นที่ปลูกข้าวอินทรีย์ให้ได้ 1 ล้านไร่ภายใน 3 ปี ครอบคลุมเกษตรกรจำนวนกว่า 66,000 ราย ในปีที่ผ่านมานั้นรัฐบาลได้ส่งเสริมระบบเกษตรแปลงใหญ่ทั่วประเทศ มีเกษตรแปลงใหญ่ที่ปลูกข้าวรวม 425 แปลง เนื้อที่กว่า 1 ล้านไร่ ส่วนการปลูกข้าวอินทรีย์ มีแหล่งผลิตข้าวที่ได้รับการรับรองแล้วใน 47 จังหวัด จำนวน 5,362 แปลง พื้นที่รวมกว่า 60,000 ไร่ นอกจากนั้นรัฐบาลยังดำเนินการแบบบูรณาการ ในการรณรงค์เพิ่มมูลค่าของผลผลิต โดยนำนวัตกรรมและเทคโนโลยี เข้ามาประยุกต์ใช้ ในการพัฒนาผลผลิตทางการเกษตร รวมถึงข้าว โดยเฉพาะงานวิจัยด้านเทคโนโลยีจากบัญชีนวัตกรรมไทยของกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มาใช้เป็นฐานข้อมูลในลำดับแรก โดยยึดความต้องการของตลาดหรือผู้บริโภคเป็นหลัก เพื่อให้ได้สินค้าที่ตรงกับความต้องการ รวมทั้งจัดหาตลาดรองรับผลผลิตจากพื้นที่แปลงใหญ่ ที่ให้ราคาสูงกว่าตลาดทั่วไป ทั้งนี้ก็เพื่อมาตราฐาน รากฐานให้ชุมชน และพี่น้องเกษตรกร ในการเพิ่มรายได้ สามารถพึ่งตนเองได้ ซึ่งก็ถือว่าเป็นการน้อมนำเอาหนึ่งในศาสตร์พระราชาของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๙ มาเป็นหลักดำเนินงานของภาครัฐ จากพระราชดำรัสว่า การช่วยเหลือสนับสนุนประชาชนในการประกอบอาชีพและตั้งตัวให้มีความพอกินพอใช้ก่อนอื่น เป็นสิ่งสำคัญยิ่งยวด เพราะผู้มีอาชีพและฐานะเพียงพอที่จะพึ่งพาตนเองได้ ย่อมสร้างความเจริญในระดับสูงขึ้นได้ต่อไป ซึ่งสิ่งนี้จะเป็นหัวใจในการปฏิรูปและพัฒนาประเทศ เพื่อลดความเหลื่อมล้ำของรายได้ ทำให้พี่น้องประชาชนมีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นไปพร้อมๆ กัน
        
         สำหรับการสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับสินค้าเกษตร เพิ่มช่องทางการตลาด สร้างเครือข่ายเกษตรอินทรีย์ และยกระดับรายได้แก่เกษตรกรอย่างยั่งยืน กระทรวงพาณิชย์ได้ดำเนินนโยบายส่งเสริมเกษตรอินทรีย์อย่างต่อเนื่อง เพื่อเป็นการสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับสินค้าเกษตรเพิ่มช่องทางการตลาด สร้างเครือข่ายเกษตรอินทรีย์ ยกระดับรายได้ และสร้างความเข้มแข็งแก่เกษตรกรอย่างยั่งยืน มุ่งเน้นให้พาณิชย์จังหวัดผลักดันเกษตรกรผลิตสินค้าอินทรีย์สู่มาตรฐานสากล ปัจจุบันเกษตรกรที่ผลิตสินค้าเกษตรอินทรีย์ ในจังหวัดต่างๆ กว่า 30 จังหวัด โดยในปี 2559 ไทยมีมูลค่าการค้าสินค้าเกษตรอินทรีย์ประมาณ 4,000 ล้านบาท เป็นการส่งออกประมาณ 2,400 ล้านบาท หรือร้อยละ 60 และคาดว่าในปี 2560 นี้ ตลาดสินค้าเกษตรอินทรีย์ สามารถเติบโตได้เพิ่มขึ้นร้อยละ 10 เมื่อเทียบกับก่อนหน้า สินค้าที่สำคัญได้แก่ ข้าว พืชผัก ผลไม้ เหล่านี้เป็นต้น มีเกษตรกรหลายรายได้พัฒนาการผลิตเกษตรอินทรีย์จนได้รับมาตรฐานสากลแล้ว อย่างไรก็ตาม ยังมีเกษตรกรผู้ผลิตเกษตรอินทรีย์อีกจำนวนมาก ที่ยังอยู่ในระดับที่ต้องได้รับการพัฒนาต่อยอด และสนับสนุนการผลิตสินค้าให้ได้มาตรฐาน สากล ทั้งนี้ก็เพื่อขยายโอกาสและเพิ่มช่องทางการตลาดให้มากขึ้นจำเป็น ต้องมีพี่เลี้ยงให้คำปรึกษาด้านการแปรรูป การสร้างตราสินค้า การขอรับมาตรฐานเกษตรอินทรีย์ระดับสากล เชื่อมโยงสู่ตลาดโลก ในเรื่องนี้ กระทรวงพาณิชย์ก็ได้มีโครงการอบรมฝึกปฏิบัติเชิงลึกในสวนเกษตรอินทรีย์ สำหรับพาณิชย์จังหวัด ที่มีเกษตรกรในพื้นที่ทำการเกษตรอินทรีย์ ในโครงการ Organic Training Program ทั้งนี้ก็เพื่อให้พาณิชย์จังหวัดและเจ้าหน้าที่ ที่รับผิดชอบด้านส่งเสริม และพัฒนาตลาดสินค้าอินทรีย์ ได้มีความรู้และศักยภาพในการสร้างมูลค่า เพิ่มให้กับสินค้าเกษตรอินทรีย์ เพิ่มช่องทางการตลาด การสร้างเครือข่ายเกษตรกรอินทรีย์และผู้ประกอบการ สามารถถ่ายทอดและเป็นพี่เลี้ยงให้กับเกษตรกรที่ทำเกษตรอินทรีย์ในจังหวัดของตนได้ ทั้งในด้านการวางแผน การตลาด การบอกเล่าเรื่องราวความเป็นมา ที่เรียกว่า Story ของสินค้า การออกแบบผลิตภัณฑ์ การขอตรารับรองมาตรฐานสินค้าเกษตรอินทรีย์ระดับสากลและการเข้าร่วมงานแสดงสินค้าในระดับนานาชาติอีกด้วย การอบรมฝึกปฏิบัติเรื่องเกษตรอินทรีย์ครบวงจร ซึ่งในเรื่องนี้ ครั้งนี้กำหนดเวลา 3 วัน ระหว่างวันที่ 18 - 20 พฤษภาคม 2560 จะเป็นการเรียนรู้ร่วมกันระหว่างเกษตรกร ที่ทำเกษตรอินทรีย์กับพาณิชย์จังหวัดและเจ้าหน้าที่ โดยมีการฝึกปฏิบัติในฟาร์มเกษตรอินทรีย์ที่มีชื่อเสียง และได้รับการรับรองมาตรฐานเกษตรอินทรีย์ระดับสากล อาทิ กลุ่มเกษตรกรชาวสวนบ้านหัวอ่าว สามพรานโมเดล จังหวัดนครปฐม และไร่ปลูกรัก จังหวัดราชบุรี เป็นต้น เพื่อให้เกิดความเข้าใจในวิถีเกษตรอินทรีย์ รวมทั้งด้านการวางแผนการตลาด ช่องทางการตลาด ตลาดดิจิทัล การสร้างเครือข่ายเกษตรกร และผู้ค้าเกษตรอินทรีย์ ผมขอเชิญชวนพี่น้องเกษตรกรที่สนใจ ลองไปหาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่พาณิชย์จังหวัด สร้างเครือข่ายกันออกไปมากๆ เรียนรู้ไปพร้อมๆ กันด้วย ความพยายามทั้งหมด ทั้งมวลของรัฐบาล ที่ผมได้กล่าวมาข้างต้น รวมทั้งที่เป็นเงินงบประมาณและวงเงินสินเชื่อผ่านธนาคารของรัฐ เช่น ธกส. ธนาคารออมสิน ก็เพื่อจะบรรเทาความเดือดร้อนของพี่น้องเกษตรกรด้วย ในการแก้ปัญหาให้กับพี่น้องอย่างเป็นระบบและยั่งยืน
        
         วันนี้ที่ผมอยากทำความเข้าใจกับพี่น้องประชาชน อยากพูดคุยเพื่อสร้างความเข้าใจที่ถูกต้อง เนื่องจากผมเห็นว่ามีกลุ่ม หลายๆ กลุ่ม ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มการเมือง กลุ่มอดีตนักการเมือง กลุ่มข้าราชการ กลุ่มนักธุรกิจ หลายๆ คน หลายๆ ฝ่าย ก็มาชี้แจงแถลงกัน ในสภาต่างๆ อาจจะมีการวิพากษ์วิจารณ์อยู่บ้าง ว่า คสช. รัฐบาล ยังไม่ได้ทำอะไรเลย ผมอยากให้พี่น้องประชาชนลองฟังดู แล้วพิจารณาให้ถ่องแท้ ทุกคนต่างมีหน้าที่ แล้วก็แม่น้ำ 5 สาย ล้วนทำงาน ร่วมมือกันมาโดยตลอด ไม่ได้มีความขัดแย้งอะไรกันทั้งสิ้น เพียงแต่ว่า คงต้องทำความเข้าใจกันให้มากขึ้น วันนี้เราถึงมี ปยป. ขึ้นมาทำงานเพื่อจะบูรณาการ ทั้งแม่น้ำ 5 สาย ไปด้วยกัน ผมไม่ได้ตำหนิใครเลย ทุกคนทำหน้าที่ได้ดียอดเยี่ยมอยู่แล้ว ที่ผ่านมานั้นต้องรับรู้ว่ารัฐบาล คสช. ทำอะไรไปแล้วบ้าง ผลผลิตเกษตรทั้ง 6 ชนิด พืชหลัก รัฐบาลได้ทำอะไรไปแล้วบ้าง แต่ละกิจกรรม อย่ามาพูดรวมกันอย่างเดียวว่าเกษตรกร ไม่ดีเลย ไม่มีรายได้ที่เพียงพอ รัฐบาลไม่ช่วยเหลือ เราทำทุกอย่าง ทั้ง ข้าว ทั้งยาง ทั้งมัน ข้าวโพด ปาล์ม อ้อย แล้วที่เกี่ยวข้องที่สุดก็คือ การบริหารจัดการน้ำทั้งระบบอย่างยั่งยืน อย่าลืมนะครับ ทุกอย่างต้องอาศัยความเข้าใจ ความร่วมมือ ไม่เช่นนั้นเราก็จะเดินหน้าต่อไปไม่ได้ จะเกิดความขัดแย้งกันอย่างไม่สิ้นสุด ด้วยความไม่เข้าใจซึ่งกันและกัน
        
         พี่น้องประชาชนที่รักครับ เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ผมและคณะรัฐมนตรีได้เดินทางไปเยี่ยมมหาวิทยาลัยมหิดล ได้กล่าวปาฐกถาเรื่องบทบาทของมหาวิทยาลัยไทย ต่อ Thailand 4.0 ที่สอดรับกับ โมเดล Thailand 4.0 ทั้งการสร้างสภาพแวดล้อมและการให้ความรู้ ที่สนับสนุนการสร้างผู้ประกอบการที่ใช้นวัตกรรมและมุ่งช่วยเหลือสังคม การสร้างเครือข่ายการวิจัยกับสถาบัน การศึกษา การเป็น Innovation Hub ด้านการวิจัยการแพทย์และสาธารณสุข เพื่อสุขภาวะที่ดีของสังคม หลังการปาฐกถา ผมและคณะได้มีโอกาสชมการแสดงผลงานของมหาวิทยาลัยมหิดล ทั้งการวิจัยพัฒนาในด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี วิศวกรรมศาสตร์ รวมถึงการที่มหาวิทยาลัยมหิดล น้อมนำหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงเพื่อการพัฒนาชุมชนและสังคม ได้เห็นถึงศักยภาพของมหาวิทยาลัย ที่จะเป็นศูนย์กลางของการศึกษายาวัคซีนและสมุนไพรตลอดห่วงโซ่การผลิต การพัฒนาสูตรอาหารต่างๆ เพื่อผู้สูงอายุและผู้ป่วย การทำงานวิจัยและพัฒนาด้านอาหารทะเลและสัตว์น้ำ เพื่อการส่งออกไปยังต่างประเทศ เพื่อสร้างความมั่งคั่งทางเศรษฐกิจ นอกจากนี้ อาจารย์และนักวิจัยของคณะวิศวกรรมศาสตร์ ได้แสดงผลงานการสร้างหุ่นยนต์ เพื่อช่วยเด็กพิเศษออทิสติก หุ่นยนต์ส่งยา การผลิตชุดตรวจวินิจฉัยและเครื่องมือแพทย์ ซึ่งนับเป็นก้าวสำคัญของนวัตกรรมของไทยอีกด้วย นอกจากมีการผลิตผลงานวิจัยที่สามารถต่อยอดเชิงพาณิชย์ได้มากมายแล้ว นักศึกษามหาวิทยาลัยมหิดล ยังได้แสดงความสามารถในการเป็นผู้ประกอบ การ โดยจดทะเบียนบริษัท Startups จำนวนหลายบริษัท มีผลงานที่น่าสนใจจำนวนมาก เช่น หมอนที่สามารถติดตามวิเคราะห์คุณภาพการนอนหลับในคนที่นอนกรน โดยมีการวัดข้อมูลแบบ Real Time และส่งผลไปยังคอมพิวเตอร์หรือมือถือ กิจการอาหารเสริม และ Head Band สำหรับกระตุ้นพลขับไม่ให้เกิดการหลับใน ซึ่งเป็นที่น่าปลื้มใจและเป็นตัวอย่างที่ดีให้กับเด็กไทยยุค 4.0 ทุกคนในการที่จะนำนวัตกรรมมาสร้างประโยชน์ สร้างรายได้ สร้างมูลค่า และปรับปรุงให้สอดคล้องกับความเป็นอยู่และความต้องการของตลาดอีกด้วย ในช่วงบ่ายวันเดียวกัน ผมและคณะได้เดินทางไปยังบริษัทสยามไบโอไซเอนซ์ จำกัด ที่เกิดจากความร่วมมือของมหาวิทยาลัยมหิดลและบริษัททุนลดาวัลย์ จำกัดซึ่งเป็นบริษัทในเครือสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ บริษัทแห่งนี้เป็นบริษัทของไทยที่มีการวิจัยและพัฒนาผลิตยาชีววัตถุขึ้นเองโดยมีความร่วมมือด้านเทคโนโลยีกับประเทศคิวบา และสามารถผลิตยาด้านชีววัตถุที่มีคุณภาพ ทัดเทียมการผลิตในต่างประเทศ ซึ่งผมได้มีโอกาสเห็นโรงงานและห้องผลิตยา ตลอดจนบุคคลากร รวมทั้งแบคทีเรียที่เป็นต้นตอของการผลิตยาเพื่อบำบัดภาวะเลือดจางในผู้ป่วยโรคไต และยาบำบัดภาวะเสี่ยงต่อการติดเชื้อในผู้ป่วยซึ่งการผลิตยาของบริษัทสยามไบโอไซเอนซ์นี้ ทำให้ราคายาลดลงกว่า 50% จะช่วยรัฐบาลประหยัดเงินได้ราว 3,000 ล้านบาท ในขณะนี้บริษัทสยามไบโอไซเอนซ์ มีการขยายผลิตภัณฑ์ไปสู่ยาสำหรับรักษาโรคมะเร็ง และโรคภูมิแพ้ตนเอง ซึ่งในอนาคตจะทำให้ประชาชนสามารถเข้าถึงยาราคาแพงในกลุ่มนี้ได้มากยิ่งขึ้นอีกด้วย ในโครงการปฏิรูปสาธารณสุขของเรา ผมอยากเห็นความร่วมมือที่แน่นแฟ้นระหว่างมหาวิทยาลัยไทยทุกมหาวิทยาลัย ภาคเอกชน ภาคประชาสังคมในการผลักดันผลงานวิจัยเพื่อช่วยพัฒนาประเทศไปสู่ยุค 4.0 อย่างเป็นรูปธรรม โดยเฉพาะการเพิ่มความสามารถในการส่งเสริมคุณภาพสินค้า สำหรับการส่งออกและยกระดับคุณภาพชีวิตของคนไทย โดยเราจะต้องไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง จากการที่เราได้ไปเยี่ยมชมมหา'ลัยมหิดลในสัปดาห์ที่ผ่านมานี้ เช่นเดียวกันที่ไปมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ เรื่องการเกษตร ทำให้ผมมั่นใจว่า เรื่องราวดีๆ เหล่านี้ แบบนี้เป็นได้จริง ผมไปหลายมหาวิทยาลัยทั้งภาคเหนือ ผมก็ไปมหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง ก็มีอีกหลายอย่างที่เป็นสิ่งดีๆ มหาวิทยาลัยมีสิ่งที่ดีๆ ทั้งหมดนะครับ ก็เป็นกำลังใจให้กันและกัน ผมคิดว่าทุกอย่างไม่เกินความสามารถของบุคลากร ที่มีอยู่ในมหาวิทยาลัยของประเทศไทยทุกแห่ง ทุกประเภท ผมและคณะมนตรีพร้อมให้การสนับสนุนอย่างเต็มที่ เป็นส่วนหนึ่งของการปฏิรูปการศึกษาไปด้วย
        
         พี่น้องประชาชนที่รักครับ หากเรามองไปในอนาคต ภาครัฐหวังให้อีอีซีนั้น กลายเป็นพื้นที่เศรษฐกิจสำคัญของอาเซียน เป็นที่ตั้งของอุตสาหกรรมในอนาคต เป็นพื้นที่สำหรับสร้างนวัตกรรมเป็นศูนย์กลางการคมนาคม การขนส่ง และกระจายสินค้า และการบินของภูมิภาค ซึ่งจะทำให้ไทยเป็น เกตเวย์สำคัญ หรือเป็นประตูเข้าสู่ประเทศเพื่อนบ้านในภูมิภาคที่มีศักยภาพการเติบโตสูง นอกจากนี้ พื้นที่อีอีซีจะตอบโจทย์อีกยุทธศาสตร์สำคัญที่จะสอดรับด้านการผลิต การขนส่ง และการเชื่อมต่อกับนโยบาย One Belt One Road ของประธานาธิบดีสี จิ้น ผิง ด้วยนะครับ และนี่เป็นคำตอบว่าทำไมไทยต้องมีโครงสร้างพื้นฐานที่เชื่อมโยงกับจีน และประเทศอื่นๆ ทำไมไทยให้ความสำคัญกับการทำให้พื้นที่อีอีซีให้เกิดการดึงดูดนักลงทุนทั่วโลก รวมทั้งจีน และประเทศอื่นๆ อีกด้วย แนวคิดการมี One Belt One Road นี้ เป็นนโยบายของจีนในการสร้างความเชื่อมโยงกับอีก 64 ประเทศทั่วโลก ตั้งแต่เอเชียไปจนถึงยุโรปและแอฟริกา ซึ่งครอบคลุมจำนวนประชากรราว 4,500 ล้านคน มีจีดีพีที่บ่งบอกขนาดเศรษฐกิจรวมกันแล้วกว่า 23 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 62 และ 30 ของโลก โดยจีนพยายามที่จะส่งเสริมความเชื่อมโยงทั้งทางบก หรือที่เรียกว่าเส้นทางสายไหมทางเศรษฐกิจ จำนวน 3 เส้นทาง และทางทะเล หรือเส้นทางสายไหมทางทะเลในศตวรรษที่ 21 จำนวน 2 เส้นทาง ซึ่งจะเชื่อมระหว่างอาเซียน เอเชีย แอฟริกา และยุโรป โดยมีการเชื่อมโยงความร่วมมือในหลายด้าน อาทิ ความร่วมมือด้านนโยบาย การอำนวยความสะดวกด้านการค้าและการลงทุน และความร่วมมือด้านการเงิน ซึ่งแน่นอนว่าหากไทยได้เข้าร่วมเป็นส่วนหนึ่งของ One Belt One Road นี้ หมายถึงการเชื่อมต่อกับตลาดขนาดใหญ่ทั่วโลก ขอให้ทุกคนไปติดตาม แล้วร่วมมือกันทำให้มันเกิดขึ้นให้ได้
        
         สำหรับการเชื่อมต่อเป็นส่วนหนึ่งของ One Belt One Road นี้ สอดคล้องกับนโยบายการค้าของไทย ที่ให้ความสำคัญกับความเชื่อมโยงในภูมิภาค เพื่อให้ไทยเป็นจุดศูนย์กลางของภูมิภาคอาเซียน ซึ่งรัฐบาลได้มุ่งเสริมสร้างความเชื่อมโยงของไทยกับประเทศคู่ค้าที่สำคัญ และเพิ่มความสามารถในการแข่งขันของประเทศในระยะยาวที่จะต้องดำเนินควบคู่ไปกับนโยบายดังกล่าว เช่น 1.โครงการประเทศไทย 4.0 ซึ่งมีความสอดคล้องกัน ที่มีแผนยุทธศาสตร์ Made in china 2025 ซึ่งเน้นเทคโนโลยีการผลิตขั้นสูง และสินค้านวัตกรรม ซึ่งจะทำให้ร่วมกันเป็นหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์ได้
        
         และ 2.โครงการอีอีซีที่ผมได้เรียนไปแล้วข้างต้น เพื่อให้นักลงทุนต่างชาติเข้ามาใช้อีอีซีในการเป็นฐานการผลิต เพื่อกระจายสินค้าไปสู่กัมพูชา สปป.ลาว เมียนมาร์ และเวียดนาม รวมถึงประเทศอื่นๆ บนเส้นทางสายไหมนี้อีกด้วย ขณะเดียวกันเราได้มีการหารือกับสหรัฐอเมริกา กับท่านประธานาธิบดีทรัมป์ ในเรื่องของการเพิ่มมูลค่าการค้าการลงทุนของไทย และอาเซียนกับสหรัฐอเมริกาอีกด้วย และได้มีการหารือกับรัสเซีย อียู และประเทศอื่นๆ ที่สำคัญ
        
         สำหรับเรื่องเศรษฐกิจขนาดใหญ่ ขนาดกลาง ขนาดเล็ก ที่เรียกว่าไมโครเอสเอ็มอีในขณะนี้นะครับ สถานการณ์เริ่มดีขึ้นตามลำดับ รัฐบาลได้เข้าไปถึงปัญหา และได้สนับสนุนให้มีการเข้าถึงกองทุน มีการฟื้นฟู มีการให้ความรู้ เทคโนโลยี การพัฒนาตลาด การอำนวยความสะดวก รวมถึงกิจการใหม่ๆ สตาร์ทอัพมีแนวโน้มที่จะเพิ่มจำนวนมากขึ้นโดยคนรุ่นใหม่ ซึ่งน่าที่จะสามารถเพิ่มการจ้างงาน เพิ่มรายได้มากขึ้นในอนาคต ขอให้ทุกภาคส่วนที่มีส่วนร่วมในลักษณะประชารัฐได้มีการช่วยเหลือซึ่งกันและกัน โดยคำนึงถึงประโยชน์ของคนส่วนใหญ่ ประเทศชาติ ส่วนผลกำไรธุรกิจของตนเองในวันนี้ อาจจะต้องเผื่อแผ่แบ่งปัน ผมเข้าใจดีว่าการลงทุน นักลงทุน ผู้ถือหุ้นล้วนแต่อยากได้ผลกำไร และมีส่วนแบ่งในผลกำไรนั้นให้มากที่สุด แต่อย่าลืมนึกถึงผู้บริโภค ซึ่งเรามีผู้ประกอบการรายเล็กรายน้อย มีทั้งประชาชนที่มีรายได้น้อย เราจะต้องเข้มแข็งไปด้วยกัน เศรษฐกิจของเราถ้าร่วมมือกันฐานจะยิ่งกว้างขึ้น ประชาชนจะได้รับประโยชน์มากขึ้น ผู้บริโภคมีกำลังซื้อมากขึ้น ท่านจะมีกำไรมากขึ้นเอง โดยที่ประชาชนไม่เดือดร้อน ช่วยกันคิดดูนะครับ ถ้าเราช่วยกันทำจะได้กุศลไปด้วย ในเรื่องการลงทุนจากต่างประเทศ
        
         วันนี้มีหลายประเทศ หลายประชาคมที่กำลังปฏิรูปเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็น อเมริกา ยุโรป ตะวันออกกลาง อาเซียน มีหลายนโยบาย เราเองอยู่ในฐานะสมาชิก และเป็นศูนย์กลางของภูมิภาค เราจำเป็นต้องมีส่วนร่วมกับทุกนโยบายดังกล่าว อันเป็นประโยชน์ร่วมกัน เราต้องปรับเปลี่ยนแนวคิดที่ว่า หากเราไปทางนี้ทางนู้นคือการเลือกข้าง ผมคิดว่าเป็นความคิดที่ไม่ถูกต้อง รัฐบาลพยายามอย่างยิ่งที่จะนึกถึงว่า จะทำอย่างไรเราจะได้ผลประโยชน์ที่เท่าเทียม เราต้องรู้จักเป็นทั้งผู้ให้และผู้รับไปด้วย โลกเปลี่ยนเราต้องปรับเปลี่ยนตัวเอง ประเทศของเราให้สอดคล้อง
        
         ตัวเลขการขอลงทุนผ่านบีโอไอในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา มียอดคำขอรวม 5,431 โครงการ คิดเป็นมูลค่ารวม 2.4 ล้านล้านบาท ลงทุนไปแล้วกว่า 1.62 ล้านล้านบาท และยังคงมีการขอเข้ามาอย่างต่อเนื่องมากบ้างน้อยบ้างตามรายไตรมาส เพราะเขาคงต้องพิจารณาถึงการลงทุน และความคุ้มค่าในระยะยาวอีกด้วย เราอย่าไปกังวลกับตัวเลขนี้มากนัก ปีนี้ไตรมาสแรกขอลงทุนไปกว่า 60,000 ล้าน ซึ่งน่าจะไม่มากไม่น้อยไปกว่าที่ประมาณการไว้ทั้งปี ในโอกาสต่อไปไตรมาสต่อไป อีกทั้งเรายังมีโครงกาอีอีซี มีนโยบาย One Belt One Road ที่ผมได้กล่าวถึงไปแล้ว และมีแผนงาน IMT-GT อีกด้วย เป็นความเชื่อมโยงระหว่างไทย มาเลเซีย และอินโดนีเซีย ทั้งหมดเป็นโอกาสของประเทศไทยทั้งสิ้น
        
         อีกเรื่องที่น่ายินดีคือ ผลการประเมินของ WEF ที่เป็นองค์การต่างประเทศ ได้มีการประเมินว่า ประเทศไทยมีความก้าวหน้าในด้านเศรษฐกิจ และการพัฒนาการด้านเศรษฐกิจเป็นอันดับ 1 ของอาเซียน น่ายินดีนะครับ นี่แสดงให้เห็นถึงความพยายามอย่างยิ่งยวดของฝ่ายเศรษฐกิจ และของรัฐบาล ได้มีความสำเร็จอย่างมีนัยที่สำคัญ ผมอยากขอให้คนไทยทุกคนไม่ว่าจะยากดีมีจน ได้ร่วมมือกันสร้างความสงบสุข ความมีเสถียรภาพทั้งด้านการเมือง และความมั่นคงในประเทศให้มากที่สุด เพื่อรองรับโอกาสดังกล่าว สิ่งดีๆ กำลังจะตามมา
        
         สำหรับเรื่องเศรษฐกิจระดับฐานราก ผู้มีรายได้น้อย รัฐบาลพยายามช่วยเหลือ และแก้ปัญหามาอย่างต่อเนื่อง ทั้งเกษตรกร อาชีพอิสระ แรงงาน ผู้ที่ปรับ เปลี่ยนตนเอง เปลี่ยนความคิด เปลี่ยนวิธีการ เพิ่มความขยันขันแข็ง อดทนโอกาสจะมีอยู่เสมอ เว้นแต่หากท่านอยากสบาย ไม่ต้องทำงานมาก เกียจคร้าน ไม่อดทน ไม่เปลี่ยนแปลงแล้วต้องการรายได้ที่เพิ่มขึ้น รัฐบาลต้องช่วยเหลือตลอดเวลาคงเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ในโลกแห่งความจริง อย่าไปหลงเชื่อในวาทกรรม การบิดเบือน และการสร้างความเข้าใจที่ผิดๆ อีกต่อไป ไม่ว่าจะมาจากกลุ่มใดก็ตาม หวังดีหรือไม่หวังดี หรืออาจจะมีผู้ที่หวังผลให้บ้านเมืองไม่สงบสุข เรากำลังเดินหน้าปฏิรูปตามยุทธศาสตร์ชาติอยู่ แผนปฏิรูปเราคงต้องดำเนินการต่อไปให้อย่างต่อเนื่อง คงต้องใช้เวลา งบประมาณ และวิธีการที่เหมาะสม ที่ทุกรัฐบาลสามารถปรับเปลี่ยนได้ไปตามสถานการณ์ตามกฏกติกาที่เราได้ร่างเอาไว้
        
         สิ่งสำคัญที่สุดก็คือ บ้านเมืองปลอดภัย สงบสุข ปัญหาเรายังมีอีกมากไม่ว่าจะเป็นความยากจน มีผู้ที่มีรายได้น้อยจำนวนมาก ของแพง อาชญากรรม สังคมที่แตกแยก โรคระบาด อากาศโลกเปลี่ยนแปลง ภัยพิบัติ ภัยแล้ง น้ำท่วม มีอีกมากมาย เราจะมัวทะเลาะเบาะแว้งกันไปทำไม การเป็นประชาธิปไตย และการเมืองเป็นส่วนหนึ่งที่มีความสำคัญ และมีความสัมพันธ์กับความมั่นคง หากเราเอาสิ่งเหล่านี้มาพิจารณาร่วมกันว่า ประชาธิปไตย รัฐธรรมนูญ กฏหมายลูก กระบวนการยุติธรรม การเมือง สิทธิเสรีภาพ สิทธิมนุษยชน หน้าที่ การมีส่วนร่วม การเคารพกฎหมาย ความร่วมมือในทุกมิติแบบประชารัฐ การป้องกันปราบปรามการทุจริต การแก้ปัญหาจราจร การแก้ปัญหาสังคม การบริหารจัดการน้ำ เกษตรครบวงจร เศรษฐกิจที่เติบโตไปด้วยกันทั้งใหญ่ กลาง เล็ก การแก้ปัญหาแรงงาน การจัดที่ดิน การบุกรุกป่า การทำลายทรัพยากรธรรมชาติสิ่งแวดล้อม การปรับปรุงสาธารณสุข การปรับปรุงปฏิรูปการศึกษา การเตรียมรับสังคมสูงวัย การดูแลผู้มีรายได้น้อยในทุกมิติ การแก้ปัญหาภาคใต้ ซึ่งล้วนแต่มีความสำคัญอย่างยิ่งยวด เหล่านี้เราจะร่วมกันแก้ไขปัญหาได้อย่างไร ไปพร้อมๆ กันนะครับ เพื่อจะให้ประเทศของเรา คนไทยของเราสามารถสร้างความสมดุลในเรื่องของการพัฒนาที่รักษาสมดุลธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม วันนี้หากทุกคนแยกกลุ่มกันคิด พูด และทำโดยสนใจแต่เรื่องของตน ซึ่งมีผลกระทบกับด้านอื่นๆ อีกมากมาย เรียกร้องในสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ ไม่ร่วมกันรับผิดชอบ โดยเฉพาะการที่จะทำให้มีรายได้สูงขึ้น แต่ไม่ปรับเปลี่ยนแนวคิด ไม่สร้างความร่วมมือ อาจจะไม่มีหลักคิดที่ถูกต้อง ผมไม่ได้บังคับให้ใครคิดเหมือน คิดต่างได้แต่มันต้องมีวิธีการที่ทำร่วมกันให้ได้ว่า ทำยังไงมันจะเกิดผลสัมฤทธิ์แก้ปัญหาที่เราได้เผชิญหน้ากันมาเป็นเวลาหลายสิบปีมาแล้วนี่นะครับ หากเราไม่เข้าใจว่าเราจะต้องช่วยกันทำอะไรในส่วนของตน และต้องดูแลคนอื่นไปด้วย กิจกรรมอื่นไปด้วย เราขาดความรักความสามัคคี แบ่งฝ่ายแบ่งพวก ใช้กฎหมายใช้รัฐธรรมนูญเป็นเครื่องมือแก้ไขความผิดของตน หรือเพื่อผลประโยชน์ของตนในวันนี้และวันหน้าจนทำให้กฎหมายไม่มีประสิทธิภาพ ไม่ตรงกับจุดมุ่งหมายของการออกกฎหมาย วัตถุประสงค์ของกฎหมายแต่ละฉบับ ก็ล้วนแต่มุ่งจะทำให้สังคมสงบสุข ไม่วุ่นวาย มีความเป็นธรรม ลดความเหลื่อมล้ำ แต่มีหลายคนพยายามนำมาใช้เพื่อประโยชน์ของตนเอง อาจจะมีการคัดค้านไปทุกเรื่องด้วย สังเกตเอาแล้วกันนะครับ มีอยู่ไม่กี่คนหรอก แล้วทุกอย่างมันจะเกิดการปฏิรูปเปลี่ยนแปลงในทางที่ดีขึ้นได้อย่างไร ถ้าเอาแต่คัดค้านกันไม่รวมมือบางครั้งก็ไม่เข้าใจไม่มีข้อมูลเขาทำงานกันมาแทบตายหลายๆอย่างก็มีการวิเคราะห์ มีการวิจัย เอาผลการวิจัยมา มีการประชุมร่วมไม่รู้ต่อกี่สิบครั้ง แล้วก็เอาตอนท้ายมาวิพากษ์วิจารณ์ แล้วก็คิดเอาเอง ผมว่ามันไม่ถูก มันต้องร่วมมือกันทำงาน ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มการเมือง กลุ่มประชาธิปไตย กลุ่มสิทธิมนุษยชน หรือกลุ่มอื่นๆ ผมอยากให้ทุกคนนั้นได้คำนึงถึงผลประโยชน์ร่วมกันของคนไทยของประเทศชาติ และชื่อเสียงของประเทศเรา ประเทศของเราในประชาคมโลกอีกด้วย หลายท่านอาจจะหลงลืมไปในเรื่องเหล่านี้ เราขัดแย้งกันเองในประเทศ ในสื่อบ้าง ในโซเชียลมีเดียบ้าง มันไปต่างประเทศทั้งหมด แล้วสิ่งต่างๆเหล่านี้มันจะทำให้ประเทศของเราถูกมองเป็นอย่างอื่นไป
        
         ผมในฐานะนายกรัฐมนตรี และเป็นหัวหน้ารัฐบาล ก็เพียงแต่อยากจะพูดเตือนให้สังคม ให้ประชาชน ช่วยกันเรียนรู้ การเฝ้าระวัง และทำความเข้าใจให้ดีที่สุด นึกถึงสิ่งเหล่านี้ว่าเป็นสิ่งสำคัญที่สุดต้องระลึกถึงอยู่เสมอ ก็คือการทำอะไรก็ตามก็ต้องมุ่งสู่ผลประโยชน์ของชาติของประชาชนคนไทยเป็นหลัก ประเทศชาติต้องมีความสงบสุข มั่นคง ประชาชนปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินมีเศรษฐกิจที่ดีเพียงพอในทุกระดับที่จะเกิดขึ้นได้ในโลกแห่งความเป็นจริง
        
         สำหรับเหตุการณ์ความไม่สงบที่เกิดขึ้นที่ จ.ปัตตานี เมื่อเร็วๆนี้ ผมขอแสดงความเสียใจกับผู้ได้รับบาดเจ็บ กับผู้ที่สูญเสียทรัพย์สิน ผมขอชื่นชมการทำงานของเจ้าหน้าที่ที่เป็นไปอย่างรวดเร็ว สามารถรวบรวมข้อมูลหลักฐานที่นำไปสู่การจับกุมขอความร่วมมือไปยังพี่น้องประชาชนและสื่อมวลชนที่กรุณาไม่เผยแพร่หรือส่งต่อภาพและคลิปเหตุการณ์ระเบิดหรือเหตุการณ์รุนแรงทุกประเภทผ่านช่องทางต่างๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ในสื่ออนไลน์ นอกจากจะเป็นการตอกย้ำความรุนแรงที่เกิดขึ้น เป็นการเข้าทางของผู้ก่อเหตุแล้ว ยังอาจส่งผลต่อรูปคดี เช่น อาจจะทำให้คนร้ายไหวตัวทัน และยังกระทบต่อความรู้สึกและบั่นทอนกำลังใจของประชาชนและเจ้าหน้าที่ในพื้นที่ ทุกคนก็พยายามช่วยแก้ปัญหาอยู่
        
         รวมความไปถึงการขาดความเชื่อมั่นต่อเศรษฐกิจภาคใต้ในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ที่เรากำลังมุ่งไปสู่สามเหลี่ยมเศรษฐกิจของเรา ฉะนั้นครั้งนี้รัฐบาลและคณะทำงานแก้ปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ได้พยายามมุ่งมั่นทำงานอย่างเต็มที่ มันไม่ใช่พูดแล้วสั่งแล้วทำมันเกิดขึ้นไม่ได้ มันต้องทำงานในหลายมิติด้วยกัน ทั้งความมั่นคง การพัฒนา การบังคับใช้กฎหมาย การสร้างระบบเศรษฐกิจใหม่ ให้ทุกอย่างมีความมั่นคงยั่งยืนทั้งด้านเศรษฐกิจและพลังงาน เรื่องสถานภาพทางภาคใต้ เรื่องยาง เรื่องอาหารฮาลาล ว่าจะทำอย่างไรกันต่อไปอีกหลายเรื่อง อย่าเอาเรื่องใดเรื่องหนึ่งมาเน้นจนเกิดความขัดแย้ง ทำให้เกิดความรุนแรงเกิดขึ้น
        
         รัฐบาล และ คสช.กำลังทหารทั้งหมดที่ปฏิบัติหน้าที่พยายามใช้ทุกอย่าง การบังคับใช้กฎหมายอย่าลืมว่าเราไม่สามารถจะทำให้เกิดความรุนแรงมากขึ้นไปกว่านี้อีก เราก็บังคับใช้กฎหมายอยู่ ขอความร่วมมือมากขึ้น เรื่องความเข้มงวดในการตรวจตรารถ อาวุธยุทโธปกรณ์ต่างๆในที่ชุมชน หลายอย่างอาจจะไม่สะดวกแต่หลายอย่างพอเนิ่นนานไปทุกคนก็ไม่พอใจ ทุกคนก็บอกว่ามันปกติแล้ว เจ้าหน้าที่ก็ทำงานลำบาก ก็ขอให้ช่วยกัน
        
         อีกเรื่องก็คือในเรื่องของการที่เราจะต้องน้อมนำหลักเข้าใจเข้าถึงพัฒนาของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 มาใช้ในการแก้ปัญหา ก็ขอให้พี่น้องประชาชนร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ให้มากขึ้น หากเห็นสิ่งผิดสังเกต ไม่น่าวางใจ ก็ขอให้ช่วยเป็นหูเป็นตา ร่วมกันสอดส่องดูแล เพื่อไม่ให้เกิดเหตุร้ายขึ้นในชุมชนของท่าน อันนี้หมายรวมไปถึงอาชญากรรมที่มีความรุนแรง อื่นๆอีกด้วย ช่วยกันเฝ้าระวังนะครับ เรื่องยาเสพติด เรื่องอาชญากรรมข้ามชาติ เรื่องผู้มีอิทธิพล เรื่องการค้าของเถื่อน น้ำมันเถื่อนเหล่านี้ แจ้งมาได้ตลอดเวลานะครับ จะลงโทษอย่างเด็ดขาด ทั้งผู้กระทำความผิดและเจ้าหน้าที่ที่มีส่วนร่วม
        
         หลายเรื่องก็เสนอข่าวได้นะครับ แต่ไม่ควรขยายจนเกินขอบเขต จนทำให้ผู้คนนั้นเห็นเป็นเรื่องตลก เป็นเรื่องขำขันไป หรืออาจจะมีเหยื่อที่ถูกละเมิดสิทธิส่วนบุคคล กระบวนการยุติธรรมทำงานลำบาก ก็อยากให้เสนอข่าวที่เป็นความก้าวหน้า ในเรื่องของการติดตามผลการดำเนินคดีตามห้วงเวลาที่มีอยู่ เร่งรัดมากไปมันก็ไม่ดี ช้าเกินไปมันก็ไม่ได้นะครับ เพราะฉะนั้นก็ขอให้ช่วยกันเสนอ ช่วยกันประคับประครองให้สถานการณ์ภายในประเทศนั้นมีความสงบสุข มีความเข้าใจโดยทั่วกัน เสนอไปในด้านของความรุนแรงอย่างเดียวประชาชนก็เคยชิน ต่อไปมันก็ชินชาทั้งหมด เรื่องไม่ดีไม่ดีเหล่านี้มันก็เป็นเรื่องธรรมดาสังคมเป็นอย่างนี้เอง อย่างนี้ไม่ได้ เรามีอัตลักษณ์ของเรา เราต้องแก้ปัญหาด้วยอัตลักษณ์ของเราให้ได้วัฒนธรรมประเพณีอันดีงามนะครับ สังคม สุภาพสตรี ผู้หญิง และเด็ก เหล่านี้คือวัฒนธรรมประเพณีของคนไทยนั้นได้ช่วยให้สังคมสงบสุขมานานแล้ว วันนี้มีการเปลี่ยนแปลงไปมากมาย ก็จะเห็นได้ว่ามีปัญหาในภาคเหนือของไทยอีกด้วย เพราะฉะนั้นต้องมาดูสิ่งเหล่านี้ว่า สังคมเราเกิดอะไรขึ้น
        
         เรื่องดีๆ วันนี้ ผมขอแสดงความยินดีกับทัพนักกีฬาเทควันโดไทย ที่สามารถคว้า 6 เหรียญทอง 2เหรียญเงิน 2 เหรียญทองแดง จากการแข่งขันในรายการ ดับเบิล ยู ที เอฟ เวิร์ล เทควันโด บีช แชมป์เปี้ยนชิพ ครั้งที่ 1 ผมขอชื่นชมนักกีฬา ผู้ฝึกสอน ผู้สนับสนุน และคณะทำงาน สมาคมเทควันโดฯ ที่ทำผลงานได้เป็นอย่างดีเยี่ยม ขอแสดงความชื่นชมนักกีฬาไทยที่ได้รับชัยชนะ มีคะแนนรวมเป็นอันดับ 1 โดยเฉพาะน้องเจล น.ส.เพ็ญกัญญา ไพศาลเกียรติกุล ที่คว้าชัยชนะคนเดียว 3 เหรียญทอง ไม่ว่าท่านจะได้เหรียญอะไรหรือไม่ ทุกๆ ท่านที่เกี่ยวข้อง มีส่วนทำให้ประเทศไทยมีชื่อเสียง ทำให้คนไทยมีรอยยิ้ม มีความภาคภูมิใจ ขอให้ทุกคนมีกำลังใจสู้นะครับ เพื่อพัฒนา และรักษาระดับฝีมือเช่นนี้ต่อไป
        
         ผมขอให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา นำวิธีการฝึกฝน (Coaching) การปรับวิธีคิด (Mindset) ของนักกีฬาที่ประสบความสำเร็จในครั้งนี้ ไปปรับใช้กับนักกีฬาอื่นๆ รวมทั้งผู้รับผิดชอบ ในกีฬาประเภทอื่นๆ ด้วย ทั้งนี้ ก็เพื่อจะเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับทีมชาติไทยในการแข่งขันในระดับนานาชาติต่อไปนะครับ ขอบคุณผู้อาสาสมัครในการฝึกอบรมนักกีฬาในลักษณะนี้ด้วยนะครับ
        
         สำหรับภาคราชการ รัฐบาลก็ได้ให้มีการปรับใช้วิธีการ แนวคิดเช่นนี้ ไปใช้ในการอบรมหลักสูตรของ ก.พ., ก.พ.ร. ไปแล้วนะครับ เพื่อที่จะได้สร้างข้าราชการยุคใหม่ ให้เป็นผู้นำแห่งการเปลี่ยนแปลงไปด้วยนะครับ ทุกอย่างมันต้องเริ่มทั้งการปฎิบัติแล้วก็จิตใจด้วยนะครับ
        
         สุดท้ายนี้ สภาพอากาศค่อนข้างแปรปรวนในเวลานี้นะครับ รัฐบาลมีความห่วงใยประชาชนทุกท่าน โดยเฉพาะพี่น้องในพื้นที่เสี่ยงภัยจากพายุฤดูร้อน วันนี้ก็เริ่มเข้าฤดูฝนแล้วนะครับ ผมขอให้ระมัดระวัง ดูแลลูกหลาน และตัวท่านเอง ขอให้ประชาชนปฏิบัติตามคำแนะนำ ข้อแนะนำของกรมอุตุนิยมวิทยา เช่น การหลีกเลี่ยงการอยู่ในที่โล่งแจ้ง ใต้ต้นไม้ใหญ่ และป้ายโฆษณาที่ไม่แข็งแรง ในขณะที่เกิดฝนฟ้าคะนองและลมกระโชกแรง ผมได้กำชับทุกหน่วยงานให้พร้อมที่จะออกช่วยเหลือผู้ประสบภัย และแก้ไขปัญหาน้ำ อย่างครบวงจรแล้ว รัฐบาลจะเฝ้าติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด และแจ้งเตือนหากมีความจำเป็น ขอให้พี่น้องประชาชนรับฟังข่าวสาร ช่วยกันเป็นหูเป็นตาร่วมด้วยอีกทางหนึ่งนะครับ
        
         อีกเรื่องหนึ่งก็คือเรื่องของการ เราต้องเตรียมความพร้อมมาตรการ ในการลดความเสี่ยงเรื่องน้ำท่วมนะครับ อันนี้เป็นสิ่งสำคัญ ถ้าน้ำมากวันนี้ฝนมาเป็นปกตินะครับ อาจจะมีปัญหาน้ำมากบ้างในบางพื้นที่ทั้งกรุงเทพมหานครและในพื้นที่ที่มีความเสี่ยงจากน้ำท่วม น้ำขังให้เตรียมการให้พร้อมทุกหน่วยงาน
        
         ในส่วนของพื้นที่ที่เป็นที่ดอน พื้นที่ที่มีการเพาะปลูกด้านการเกษตร ที่ขาดน้ำอยู่ก็ขอให้มีการเร่งพัฒนาแหล่งน้ำของตัวเอง ขุดลอกที่เก็บน้ำในไร่นา ทำให้มันใช้ได้ มีที่ระบายน้ำเข้า เข้าไปเก็บไว้ก่อน ถ้ามันเกินก็ค่อยปล่อยออกมานะครับ ตอนนี้เราต้องเตรียมรับความเสี่ยงในฤดูแล้งหน้าไว้ด้วย สภาพของอากาศโลกนั้นมันเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลานะครับ
        
         อีกเรื่องสำคัญ ก็คือในช่วงนี้ฝนตกบ่อย ถนนลื่น การใช้ความเร็ว การขับรถ การดื่มสุรานะครับ จะต้องระมัดระวังนะครับ อย่างดื่มสุราขับรถโดยเด็ดขาด ผมขอให้พี่น้องประชาชนที่มีการเดินทาง ใช้รถใช้ถนนด้วยความระมัดระวังเป็นพิเศษ เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ซึ่งกันและกัน ผมเห็นในโทรทัศน์ก็ไม่สบายใจนะครับ ลงมาชกกัน ลงมายิงกันบ้าง หรือไม่ก็กระทบกระทั่งกันมันทำให้เกิดภาพ ลักษณ์ที่ไม่ดีในสายตาของทั้งในคนไทยและในต่างประเทศนะครับ ความรุนแรงมันก็จะเกิดขึ้นไปบ่อยๆ มันก็จะเกิดขึ้นในมิติอื่นๆ อีกด้วย ช่วยกันระวังรักษาสุขภาพนะครับ โรคหวัดโรคปอดอะไรเหล่านี้นะครับต้องช่วยกันระมัด ระวังนะครับ
        
         ขอบคุณครับ ขอให้ทุกคนมีความสุข ในช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์ที่เป็นวันหยุดยาวของหลาย ๆ ท่านนะครับ อย่าลืมกลับมาทำงานด้วยนะครับ สวัสดีครับ
กำลังโหลดความคิดเห็น