บรรยากาศการไว้อาลัยและกราบสักการะพระบรมศพ ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ในพระบรมมหาราชวัง ซึ่งดำเนินมาเป็นวันที่ 188 ในวันนี้ (9 พ.ค.) ตลอดทั้งวันยังคงมีประชาชนจากทั่วสารทิศ ทั้งจากกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด เดินทางมากราบสักการะพระบรมศพอย่างต่อเนื่อง ด้วยความสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณเป็นล้นพ้นท่ามกลางบรรยากาศที่เย็นสบาย
นางอุษา ชุนฬหวานิช อายุ 59 ปี คุณครูโรงเรียนวัดดอนไก่เตี้ย จ.เพชรบุรี เดินทางโดยรถส่วนตัวออกจากจังหวัดเพชรบุรี มาพร้อมลูกสาวและเพื่อนรวม 5 คน ตั้งแต่เช้ามืดวันนี้ และได้มาถึงท้องสนามหลวงตอน 9 โมงเช้าและได้ขึ้นกราบสักการะพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ตอน 11 โมงเช้า
นางอุษา กล่าวว่ามากราบสักการะพระบรมศพมากกว่า 1 ครั้งแล้ว ครั้งนี้ถือว่าใช้เวลารอไม่นานเหมือนทุกครั้ง เมื่อได้ก้มกราบสักการะพระบรมศพ เต็มไปด้วยความปลื้มปิติและความซาบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดมิได้ ด้วยทรงประกอบพระราชกรณียกิจ น้อยใหญ่นานัปการเพื่อความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นของปวงชาวไทย และในฐานะที่เป็นครู เป็นแม่พิมพ์ของชาติก็พยายามถ่ายทอดพระราชกรณียกิจของในหลวง ร.9 ให้เด็กนักเรียนฟังผ่านการเรียนรู้จากโครงการพระราชดำริฯ มากมาย
ด้านนางสาวพัชรีภรณ์ อินทมงคลสุข อายุ 69 ปี ชาวคลองตัน พร้อมด้วยนางสาวศุภร ชุนหะวัต อายุ 79 ปี ชาวอโศก กทม.ที่นัดหมายกันเดินทางมาเข้ากราบสักการะพระบรมศพในหลวงรัชกาลที่ 9 พร้อมกัน โดยนางสาวพัชรีภรณ์ กล่าวว่า วันนี้เดินทางมากราบเป็นครั้งแรก ก่อนหน้าเห็นมีประชาชนเดินทางมากันมาเยอะมาก ประกอบกับพี่สาวปวดขาเกรงว่าจะนั่งพับเพียบกราบไม่สะดวก แต่พอเข้าไปในพระที่นั่งดุสิตฯ เจ้าหน้าที่บริการดีมาก พาพี่สาวไปนั่งเก้าอี้เพื่อระลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณพระองค์ รู้สึกประทับใจ ถึงแม้คนจะเยอะแต่เคลื่อนไปได้ จากที่ปวดขา พอเข้ากราบเสร็จไม่รู้สึกปวดขาอีกเลย
นางสาวอิสรีย์ ภัคคะกิตติ์ธเนศ อายุ 53 ปี ซึ่งเดินทางมาสักการะพระบรมศพเป็นครั้งแรก กล่าวว่า เนื่องจากเป็นช่วงวันหยุดนักขัตฤกษ์หลายวันต่อเนื่องกัน จึงลาพักร้อนมากราบพระบรมศพ โดยนั่งรถประจำทางมาเอง เมื่อได้ขึ้นไปกราบรู้สึกตื้นตัน ที่ผ่านมา ติดตามพระราชกรณียกิจของพระองค์เสมอ เมื่อพระองค์เสด็จสวรรคตไม่รู้ว่าจะทำเช่นไร ได้แต่มองพระบรมฉายาลักษณ์ที่บ้านที่ได้เก็บสะสมไว้แทนหัวใจ นอกจากนั้น ยังมีหนังสือพระราชนิพนธ์ รวมถึงเพลงพระราชนิพนธ์ต่างๆ ที่เก็บไว้เช่นกัน
นางอุษา ชุนฬหวานิช อายุ 59 ปี คุณครูโรงเรียนวัดดอนไก่เตี้ย จ.เพชรบุรี เดินทางโดยรถส่วนตัวออกจากจังหวัดเพชรบุรี มาพร้อมลูกสาวและเพื่อนรวม 5 คน ตั้งแต่เช้ามืดวันนี้ และได้มาถึงท้องสนามหลวงตอน 9 โมงเช้าและได้ขึ้นกราบสักการะพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ตอน 11 โมงเช้า
นางอุษา กล่าวว่ามากราบสักการะพระบรมศพมากกว่า 1 ครั้งแล้ว ครั้งนี้ถือว่าใช้เวลารอไม่นานเหมือนทุกครั้ง เมื่อได้ก้มกราบสักการะพระบรมศพ เต็มไปด้วยความปลื้มปิติและความซาบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดมิได้ ด้วยทรงประกอบพระราชกรณียกิจ น้อยใหญ่นานัปการเพื่อความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นของปวงชาวไทย และในฐานะที่เป็นครู เป็นแม่พิมพ์ของชาติก็พยายามถ่ายทอดพระราชกรณียกิจของในหลวง ร.9 ให้เด็กนักเรียนฟังผ่านการเรียนรู้จากโครงการพระราชดำริฯ มากมาย
ด้านนางสาวพัชรีภรณ์ อินทมงคลสุข อายุ 69 ปี ชาวคลองตัน พร้อมด้วยนางสาวศุภร ชุนหะวัต อายุ 79 ปี ชาวอโศก กทม.ที่นัดหมายกันเดินทางมาเข้ากราบสักการะพระบรมศพในหลวงรัชกาลที่ 9 พร้อมกัน โดยนางสาวพัชรีภรณ์ กล่าวว่า วันนี้เดินทางมากราบเป็นครั้งแรก ก่อนหน้าเห็นมีประชาชนเดินทางมากันมาเยอะมาก ประกอบกับพี่สาวปวดขาเกรงว่าจะนั่งพับเพียบกราบไม่สะดวก แต่พอเข้าไปในพระที่นั่งดุสิตฯ เจ้าหน้าที่บริการดีมาก พาพี่สาวไปนั่งเก้าอี้เพื่อระลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณพระองค์ รู้สึกประทับใจ ถึงแม้คนจะเยอะแต่เคลื่อนไปได้ จากที่ปวดขา พอเข้ากราบเสร็จไม่รู้สึกปวดขาอีกเลย
นางสาวอิสรีย์ ภัคคะกิตติ์ธเนศ อายุ 53 ปี ซึ่งเดินทางมาสักการะพระบรมศพเป็นครั้งแรก กล่าวว่า เนื่องจากเป็นช่วงวันหยุดนักขัตฤกษ์หลายวันต่อเนื่องกัน จึงลาพักร้อนมากราบพระบรมศพ โดยนั่งรถประจำทางมาเอง เมื่อได้ขึ้นไปกราบรู้สึกตื้นตัน ที่ผ่านมา ติดตามพระราชกรณียกิจของพระองค์เสมอ เมื่อพระองค์เสด็จสวรรคตไม่รู้ว่าจะทำเช่นไร ได้แต่มองพระบรมฉายาลักษณ์ที่บ้านที่ได้เก็บสะสมไว้แทนหัวใจ นอกจากนั้น ยังมีหนังสือพระราชนิพนธ์ รวมถึงเพลงพระราชนิพนธ์ต่างๆ ที่เก็บไว้เช่นกัน