นาวาอากาศเอก สมศักดิ์ ขาวสุวรรณ์ โฆษกกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กล่าวชี้แจงกรณีกระแสข่าวลือการทดลองปิดโซเชียลมีเดีย เนื่องจากผู้ใช้บริการอินเทอร์เน็ต 3 broadband (3BB) จำนวนมากร้องเรียนต่อผู้ให้บริการภายหลังเกิดปัญหาไม่สามารถเข้าเว็บไซต์ Google และ YouTube ได้ ขณะที่ผู้ใช้บริการอินเทอร์เน็ตรายอื่นสามารถเข้าถึงทั้งสองเว็บไซต์ได้ตามปกติ ขณะเดียวกัน ผู้ใช้บริการ 3BB ไม่สามารถติดต่อไปยังศูนย์บริการของ 3BB ได้ ทำให้เกิดกระแสข่าวลือในโซเชียลมีเดียว่า รัฐบาลได้สั่งทดลองปิดกั้นเว็บไซต์ YouTube ด้วยเหตุผลทางการเมืองนั้น ขอยืนยันว่า ไม่เป็นความจริง เนื่องด้วยปัจจุบันการดำเนินการกับเว็บไซต์ที่ไม่เหมาะสม มีขั้นตอนการดำเนินการโดย กระทรวงดิจิทัลฯ จะส่งรายการ URL ที่ศาลอาญามีคำสั่งให้ระงับการทำให้แพร่หลายซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ฯ ไปยังสำนักงาน กสทช. เพื่อประสานไปยังผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ต และ Google ซึ่งเป็นเจ้าของ YouTube เพื่อพิจารณาดำเนินการปิดกั้นตามกฎระเบียบและเงื่อนไขของทางบริษัท ตามลำดับ หรือในกรณีเร่งด่วน กระทรวงดิจิทัลฯ จะส่งรายการ URL ที่ศาลอาญามีคำสั่งให้ระงับฯ แก่ Google เพื่อดำเนินการอีกทาง โดยที่ผ่านมาความร่วมมือระหว่างกระทรวงฯ และ Google เป็นไปได้ด้วยดี การดำเนินการทุกอย่างเป็นไปตามขั้นตอนของกEหมาย ไม่มีการล่วงละเมิดสิทธิส่วนบุคคลแต่อย่างใด
อีกทั้งการประสานการทำงานร่วมกันก็เป็นไปอย่างใกล้ชิดมาโดยตลอด จึงไม่มีความจำเป็นที่กระทรวงฯ จะต้องทำการใดๆ ตามที่มีกระแสข่าวลือดังกล่าว
โฆษกกระทรวงดิจิทัลฯ กล่าวเพิ่มเติมว่า ส่วนในกรณีที่ผู้ใช้บริการไม่สามารถเข้าถึง YouTube ได้จากผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตบางราย อาจสืบเนื่องมาจากปัญหาทางด้านเทคนิค เนื่องด้วยปัจจุบันประเทศไทยมีการเข้าเรียกดู YouTube เป็นจำนวนมาก จึงเป็นกรณีปกติที่ผู้ให้บริการอาจทำการปรับปรุงด้านเทคนิค เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพอุปกรณ์หรือช่องทางการสื่อสาร ให้สามารถรองรับการให้บริการได้อย่างต่อเนื่องและรวดเร็ว ซึ่งการปรับปรุงดังกล่าวอาจมีผลกระทบต่อการให้บริการในบางครั้ง และน่าจะเป็นเพียงผลกระทบระยะสั้น
อย่างไรก็ตาม กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมได้ประสานไปยังสำนักงาน กสทช. เพื่อขอให้แจ้งผู้ให้บริการฯ ทราบและแก้ไขปัญหาดังกล่าวโดยเร็ว ซึ่งผู้ให้บริการฯ ได้รับทราบ และแจ้งว่าปัญหาดังกล่าวเป็นข้อขัดข้องทางเทคนิคของผู้ให้บริการที่เกิดในระยะเวลาสั้นๆ และได้ดำเนินการแก้ไขให้สามารถให้บริการได้เป็นปกติแล้ว นอกจากนี้ กระทรวงฯ ได้ประชาสัมพันธ์ชี้แจงกรณีดังกล่าวแก่ประชาชนผ่านช่องทางต่างๆ ทั้งหนังสือพิมพ์ เว็บไซต์ข่าว เว็บไซต์กระทรวงฯ และช่องทางโซเชียลมีเดีย เพื่อรับทราบข้อเท็จจริงว่า ปัญหาการไม่สามารถเข้าเว็บไซต์ Google และ YouTube จากผู้ให้บริการบางรายนั้น มิใช่การทดลองปิดโซเชียลมีเดีย หรือเป็นการที่กระทรวงฯ ได้ขอให้ผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ต (ISP) ดำเนินการ ตามที่มีกระแสข่าวลือแต่อย่างใด รวมทั้งได้ขอความร่วมมือประชาชนผู้ใช้สื่อสังคมออนไลน์ใช้วิจารณญาณในการติดตามข้อมูลข่าวสารต่างๆ
ทั้งนี้ หากประชาชนพบเห็นข้อมูลที่น่าสงสัยเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าว สามารถสอบถามหรือแจ้งไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ สำนักงาน กสทช. สายด่วน 1200 หรือศูนย์บริการข้อมูลภาครัฐเพื่อประชาชน (GCC1111) โทร.สายด่วน 1111 เพื่อจะได้ดำเนินการแก้ไขปัญหาตามอำนาจหน้าที่โดยเร็วต่อไป
อีกทั้งการประสานการทำงานร่วมกันก็เป็นไปอย่างใกล้ชิดมาโดยตลอด จึงไม่มีความจำเป็นที่กระทรวงฯ จะต้องทำการใดๆ ตามที่มีกระแสข่าวลือดังกล่าว
โฆษกกระทรวงดิจิทัลฯ กล่าวเพิ่มเติมว่า ส่วนในกรณีที่ผู้ใช้บริการไม่สามารถเข้าถึง YouTube ได้จากผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตบางราย อาจสืบเนื่องมาจากปัญหาทางด้านเทคนิค เนื่องด้วยปัจจุบันประเทศไทยมีการเข้าเรียกดู YouTube เป็นจำนวนมาก จึงเป็นกรณีปกติที่ผู้ให้บริการอาจทำการปรับปรุงด้านเทคนิค เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพอุปกรณ์หรือช่องทางการสื่อสาร ให้สามารถรองรับการให้บริการได้อย่างต่อเนื่องและรวดเร็ว ซึ่งการปรับปรุงดังกล่าวอาจมีผลกระทบต่อการให้บริการในบางครั้ง และน่าจะเป็นเพียงผลกระทบระยะสั้น
อย่างไรก็ตาม กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมได้ประสานไปยังสำนักงาน กสทช. เพื่อขอให้แจ้งผู้ให้บริการฯ ทราบและแก้ไขปัญหาดังกล่าวโดยเร็ว ซึ่งผู้ให้บริการฯ ได้รับทราบ และแจ้งว่าปัญหาดังกล่าวเป็นข้อขัดข้องทางเทคนิคของผู้ให้บริการที่เกิดในระยะเวลาสั้นๆ และได้ดำเนินการแก้ไขให้สามารถให้บริการได้เป็นปกติแล้ว นอกจากนี้ กระทรวงฯ ได้ประชาสัมพันธ์ชี้แจงกรณีดังกล่าวแก่ประชาชนผ่านช่องทางต่างๆ ทั้งหนังสือพิมพ์ เว็บไซต์ข่าว เว็บไซต์กระทรวงฯ และช่องทางโซเชียลมีเดีย เพื่อรับทราบข้อเท็จจริงว่า ปัญหาการไม่สามารถเข้าเว็บไซต์ Google และ YouTube จากผู้ให้บริการบางรายนั้น มิใช่การทดลองปิดโซเชียลมีเดีย หรือเป็นการที่กระทรวงฯ ได้ขอให้ผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ต (ISP) ดำเนินการ ตามที่มีกระแสข่าวลือแต่อย่างใด รวมทั้งได้ขอความร่วมมือประชาชนผู้ใช้สื่อสังคมออนไลน์ใช้วิจารณญาณในการติดตามข้อมูลข่าวสารต่างๆ
ทั้งนี้ หากประชาชนพบเห็นข้อมูลที่น่าสงสัยเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าว สามารถสอบถามหรือแจ้งไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ สำนักงาน กสทช. สายด่วน 1200 หรือศูนย์บริการข้อมูลภาครัฐเพื่อประชาชน (GCC1111) โทร.สายด่วน 1111 เพื่อจะได้ดำเนินการแก้ไขปัญหาตามอำนาจหน้าที่โดยเร็วต่อไป