นายมงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ เลขาธิการคณะกรรมการภาคีเครือข่ายต่อต้านการทุจริตคอร์รัปชัน (ภตช.) ยื่นหนังสือถึงอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ขอให้ขยายผลตรวจสอบอดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง และข้าราชการระดับสูง อาจเกี่ยวข้องฮั้วประมูลประกวดราคาทางราชการในระบบอี-บิดดิง โดยกล่าวว่า ขบวนการทุจริตน่าจะมีเจ้าหน้าที่ในสังกัดกรมบัญชีกลางเกี่ยวข้อง เนื่องจากเป็นผู้ควบคุมระบบอี-บิดดิง และมีข้อมูลการยื่นประกวดราคาจัดซื้อจัดจ้าง โดยผู้มีอำนาจสั่งการ ซึ่งราคาขอซื้อข้อมูลมีตั้งแต่ร้อยละ 0.9-1.5 ของวงเงินในการจัดซื้อจัดจ้าง ซึ่งเชื่อว่ามีนายหน้าจากบริษัทเอกชนประมาณ 40 ราย ทำให้ประเทศเสียหาย โดยตั้งแต่ปีงบประมาณ 2549-2560 เสียหายไปแล้วกว่า 1.2 แสนล้านบาท พร้อมขอให้สอบปากคำผู้ต้องหาที่ดีเอสไอจับกุมได้ก่อนหน้านี้ เพื่อให้ซัดทอดไปถึงรายใหญ่ในขบวนการ
ด้าน พ.ต.ท.วรณัน ศรีล้ำ ผู้อำนวยการศูนย์บริหารคดีพิเศษ ในฐานะรองโฆษกดีเอสไอ กล่าวว่า จะรับไว้ประกอบการพิจารณา ซึ่งขณะนี้ดีเอสไออยู่ระหว่างการสอบสวนผู้ต้องหาที่ถูกควบคุมตัวตามมาตรา 44 ซึ่งอาจเกี่ยวข้องกับการฮั้วประมูลผ่านระบบอี-บิดดิง ที่ จ.ยโสธร ซึ่งอธิบดีดีเอสไอได้มอบให้สำนักคดีอาญา 2 สอบปากคำผู้ต้องหาทั้ง 2 รายแล้ว และภายหลังครบกำหนด 7 วัน ดีเอสไอจะพิจารณาว่าคดีมีความสลับซับซ้อนสามารถรับไว้เป็นคดีพิเศษได้หรือไม่ หรือจะมอบให้เจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินการ ซึ่งต้องรอข้อมูลในพื้นที่มาประกอบการพิจารณาก่อน
ด้าน พ.ต.ท.วรณัน ศรีล้ำ ผู้อำนวยการศูนย์บริหารคดีพิเศษ ในฐานะรองโฆษกดีเอสไอ กล่าวว่า จะรับไว้ประกอบการพิจารณา ซึ่งขณะนี้ดีเอสไออยู่ระหว่างการสอบสวนผู้ต้องหาที่ถูกควบคุมตัวตามมาตรา 44 ซึ่งอาจเกี่ยวข้องกับการฮั้วประมูลผ่านระบบอี-บิดดิง ที่ จ.ยโสธร ซึ่งอธิบดีดีเอสไอได้มอบให้สำนักคดีอาญา 2 สอบปากคำผู้ต้องหาทั้ง 2 รายแล้ว และภายหลังครบกำหนด 7 วัน ดีเอสไอจะพิจารณาว่าคดีมีความสลับซับซ้อนสามารถรับไว้เป็นคดีพิเศษได้หรือไม่ หรือจะมอบให้เจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินการ ซึ่งต้องรอข้อมูลในพื้นที่มาประกอบการพิจารณาก่อน