วันนี้ (3 พ.ค.) เมื่อเวลา 14.30 น. ที่เต็นท์จุดพักคอยหน้าวัดมหาธาตุยุวราชรังสฤษฎิ์ราชวรมหาวิหาร บริเวณสนามหลวง พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) พร้อมด้วยนายศุภชัย เจียรวนนท์ ประธานคณะผู้บริหาร เครือเจริญโภคภัณฑ์ และประธานคณะกรรมการบริหาร บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ร่วมพบปะเยี่ยมเยียนพร้อมมอบของที่ระลึก และส่งผู้เข้าร่วมโครงการ "พม.พาคนไกลมาใกล้พ่อ" จำนวน 100 คน ประกอบด้วย ผู้สูงอายุ ผู้พิการ และผู้ดูแลที่อยู่ในความดูแลของหน่วยงาน พม. และในพื้นที่ เข้ากราบสักการะพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมิทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ในพระบรมมหาราชวัง
พล.ต.อ.อดุลย์ กล่าวว่า โครงการ "พม.พาคนไกลมาใกล้พ่อ" นับเป็นความร่วมมือตามแนวทางประชารัฐ ระหว่าง พม. ในฐานะภาครัฐ และเครือเจริญโภคภัณฑ์ ในฐานะภาคเอกชน เพื่อสร้างโอกาสในการร่วมแสดงความอาลัย และน้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ที่มีต่อประชาชนคนไทย โดยการนำผู้เข้าร่วมโครงการฯ จำนวน 100 คน จากทั้งหมด 1,000 คน ประกอบด้วย คนพิการ ผู้สูงอายุ และผู้ดูแลที่อยู่ในความดูแลของหน่วยงาน พม. และในพื้นที่จาก 15 จังหวัดทั่วประเทศ ได้แก่ นนทบุรี ปทุมธานี ฉะเชิงเทรา สมุทรปราการ สมุทรสาคร ชลบุรี พระนครศรีอยุธยา ลพบุรี กำแพงเพชร ขอนแก่น นครพนม บุรีรัมย์ อุบลราชธานี เชียงใหม่ และกรุงเทพมหานคร เข้ากราบสักการะพระบรมศพ โดยจะทยอยเข้ากราบสักการะพระบรมศพวันละ 100 คน เป็นระยะเวลา 10 วัน ตั้งแต่วันที่ 3-19 พ.ค. 2560 ซึ่งบุคคลเหล่านี้เป็นกลุ่มที่มีความยากลำบากในการเดินทาง และไม่มีโอกาสที่จะได้มา
ด้านนายศุภชัย กล่าวว่า ทางเครือเจริญโภคภัณฑ์ได้มอบเงินสนับสนุนจำนวน 2,000,000 บาท สำหรับเป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินโครงการฯ อาทิ ค่าพาหนะเดินทาง ค่าเช่าที่พัก ค่าอาหาร อาหารว่างพร้อมเครื่องดื่ม และค่าวัสดุอุปกรณ์ต่างๆ เป็นต้น รวมทั้งสนับสนุนพนักงานซีพีอาสามาเป็นอาสาสมัครร่วมดูแลคนพิการและผู้สูงอายุ ซึ่งที่ผ่านมาได้เข้าร่วม "โครงการ พม.เพื่อหลวง" ด้วยการจัดเตรียมข้าวกล่องจำนวน 1,500,000 กล่อง สนับสนุนเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานในจุดบริการเต็นท์โครงการฯ บริเวณเป็นระยะเวลา 3 เดือน
นายศุภชัย กล่าวต่อว่า ครั้งนี้ถือเป็นเกียรติและโอกาสที่ดีมากที่ได้ร่วมกับ พม. ในการนำผู้สูงอายุ และผู้พิการ เข้ากราบสักการะพระบรมศพ และอยากให้ภาคเอกชนรายอื่นๆ ได้ร่วมทำโครงการที่ดีแบบนี้ด้วย เพราะยังมีผู้ที่อยากมาแสดงความจงรักภักดีต่อพระองค์ แต่ขาดโอกาสและมีความยากลำบากในการเดินทางอีกจำนวนมาก
ขณะที่นายทวี ชมบ้านแพ้ว อายุ 54 ปี ชาว อ.บ้านแพ้ว จ.สมุทรสาคร ผู้พิการขาอ่อนแรง ตั้งแต่อายุ 2 ปี กล่าวความรู้สึกที่ได้เข้ากราบสักการะพระบรมศพว่า ดีใจมากที่ได้มีโอกาสเข้ากราบสักการะพระบรมศพในพระบรมมหาราชวัง ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่ได้มา ตนรักพระองค์มาก หากจะให้พูดถึงคุณงามความดีของพระองค์คงกล่าวไม่หมด วันที่พระองค์สวรรคต ตนเสียใจมาก หากให้ตนตายแทนได้ก็ยอม พระองค์ทรงปฏิบัติพระราชกรณียกิจมากมายเพื่อประชาชน และทุกอย่างที่พระองค์สอนก็สามารถนำมาใช้ในชีวิตได้หมด
นายทวี กล่าวต่อว่า ตนเป็นหมอดินอาสาก็ได้นำความรู้เรื่องเกษตรทฤษฎีใหม่และการทำเกษตรแบบพอเพียงมาใช้ โดยปลูกพืชผักผสมสานและปลอดสารพิษ พร้อมนำความรู้ไปถ่ายทอดให้กับผู้พิการคนอื่นในชุมชน เพื่อให้เขามีงานทำ ไม่อย่างนั้นเขาก็จะอยู่แต่ในบ้านและกลายเป็นผู้ป่วยติดเตียง ตอนที่พระองค์ยังมีพระชนม์ชีพ ตนจะติดตามดูข่าวพระราชสำนักตลอด และศึกษาเรื่องการเกษตรที่พระองค์ทรงสอนและวางแนวทางไว้ให้ ตนก็จะสานต่อและเดินตามรอยพระยุคลบาท
พล.ต.อ.อดุลย์ กล่าวว่า โครงการ "พม.พาคนไกลมาใกล้พ่อ" นับเป็นความร่วมมือตามแนวทางประชารัฐ ระหว่าง พม. ในฐานะภาครัฐ และเครือเจริญโภคภัณฑ์ ในฐานะภาคเอกชน เพื่อสร้างโอกาสในการร่วมแสดงความอาลัย และน้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ที่มีต่อประชาชนคนไทย โดยการนำผู้เข้าร่วมโครงการฯ จำนวน 100 คน จากทั้งหมด 1,000 คน ประกอบด้วย คนพิการ ผู้สูงอายุ และผู้ดูแลที่อยู่ในความดูแลของหน่วยงาน พม. และในพื้นที่จาก 15 จังหวัดทั่วประเทศ ได้แก่ นนทบุรี ปทุมธานี ฉะเชิงเทรา สมุทรปราการ สมุทรสาคร ชลบุรี พระนครศรีอยุธยา ลพบุรี กำแพงเพชร ขอนแก่น นครพนม บุรีรัมย์ อุบลราชธานี เชียงใหม่ และกรุงเทพมหานคร เข้ากราบสักการะพระบรมศพ โดยจะทยอยเข้ากราบสักการะพระบรมศพวันละ 100 คน เป็นระยะเวลา 10 วัน ตั้งแต่วันที่ 3-19 พ.ค. 2560 ซึ่งบุคคลเหล่านี้เป็นกลุ่มที่มีความยากลำบากในการเดินทาง และไม่มีโอกาสที่จะได้มา
ด้านนายศุภชัย กล่าวว่า ทางเครือเจริญโภคภัณฑ์ได้มอบเงินสนับสนุนจำนวน 2,000,000 บาท สำหรับเป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินโครงการฯ อาทิ ค่าพาหนะเดินทาง ค่าเช่าที่พัก ค่าอาหาร อาหารว่างพร้อมเครื่องดื่ม และค่าวัสดุอุปกรณ์ต่างๆ เป็นต้น รวมทั้งสนับสนุนพนักงานซีพีอาสามาเป็นอาสาสมัครร่วมดูแลคนพิการและผู้สูงอายุ ซึ่งที่ผ่านมาได้เข้าร่วม "โครงการ พม.เพื่อหลวง" ด้วยการจัดเตรียมข้าวกล่องจำนวน 1,500,000 กล่อง สนับสนุนเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานในจุดบริการเต็นท์โครงการฯ บริเวณเป็นระยะเวลา 3 เดือน
นายศุภชัย กล่าวต่อว่า ครั้งนี้ถือเป็นเกียรติและโอกาสที่ดีมากที่ได้ร่วมกับ พม. ในการนำผู้สูงอายุ และผู้พิการ เข้ากราบสักการะพระบรมศพ และอยากให้ภาคเอกชนรายอื่นๆ ได้ร่วมทำโครงการที่ดีแบบนี้ด้วย เพราะยังมีผู้ที่อยากมาแสดงความจงรักภักดีต่อพระองค์ แต่ขาดโอกาสและมีความยากลำบากในการเดินทางอีกจำนวนมาก
ขณะที่นายทวี ชมบ้านแพ้ว อายุ 54 ปี ชาว อ.บ้านแพ้ว จ.สมุทรสาคร ผู้พิการขาอ่อนแรง ตั้งแต่อายุ 2 ปี กล่าวความรู้สึกที่ได้เข้ากราบสักการะพระบรมศพว่า ดีใจมากที่ได้มีโอกาสเข้ากราบสักการะพระบรมศพในพระบรมมหาราชวัง ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่ได้มา ตนรักพระองค์มาก หากจะให้พูดถึงคุณงามความดีของพระองค์คงกล่าวไม่หมด วันที่พระองค์สวรรคต ตนเสียใจมาก หากให้ตนตายแทนได้ก็ยอม พระองค์ทรงปฏิบัติพระราชกรณียกิจมากมายเพื่อประชาชน และทุกอย่างที่พระองค์สอนก็สามารถนำมาใช้ในชีวิตได้หมด
นายทวี กล่าวต่อว่า ตนเป็นหมอดินอาสาก็ได้นำความรู้เรื่องเกษตรทฤษฎีใหม่และการทำเกษตรแบบพอเพียงมาใช้ โดยปลูกพืชผักผสมสานและปลอดสารพิษ พร้อมนำความรู้ไปถ่ายทอดให้กับผู้พิการคนอื่นในชุมชน เพื่อให้เขามีงานทำ ไม่อย่างนั้นเขาก็จะอยู่แต่ในบ้านและกลายเป็นผู้ป่วยติดเตียง ตอนที่พระองค์ยังมีพระชนม์ชีพ ตนจะติดตามดูข่าวพระราชสำนักตลอด และศึกษาเรื่องการเกษตรที่พระองค์ทรงสอนและวางแนวทางไว้ให้ ตนก็จะสานต่อและเดินตามรอยพระยุคลบาท