พล.อ.เทพพงศ์ ทิพยจันทร์ ผู้ช่วย ผบ.ทบ. และรองเลขาธิการคณะรักษาความสงบแห่งชาติ เป็นประธานการประชุม สำนักเลขาธิการคณะรักษาความสงบแห่งชาติ จัดการประชุมประจำสัปดาห์เพื่อติดตาม และประเมินผลการปฏิบัติงานในทุกด้าน โดยเฉพาะการรักษาความสงบเรียบร้อย และงานสนับสนุนรัฐบาลเพื่อแก้ปัญหาประชาชน
พ.อ.หญิง ศิริจันทร์ งาทอง รองโฆษก คสช. เปิดเผยว่า พล.อ.เทพพงศ์ กล่าวถึงสถานการณ์น้ำว่า ขณะนี้ปริมาณน้ำในเขื่อนหลักมีมากกว่าปีที่ผ่านมา แต่ยังห่วงว่าประชาชนในบางพื้นที่อาจได้รับความเดือดร้อนจากการขาดแคลนน้ำ กำชับให้ทุกส่วนช่วยกันกระจายความช่วยเหลือให้ครอบคลุม ควบคู่ไปกับเร่งรัดโครงการของภาครัฐที่เกี่ยวกับการพัฒนาแหล่งน้ำ และการเพิ่มประสิทธิภาพการไหลของน้ำ เพื่อเตรียมการรองรับการเข้าสู่ฤดูฝน และป้องกันปัญหาอุทกภัยที่อาจจะเกิดขึ้น ส่วนในเรื่องการสนับสนุนการบริหารจัดการน้ำอย่างยั่งยืนนั้น จากการที่คณะรักษาความสงบแห่งชาติ ได้ร่วมกับทุกฝ่ายกำจัดผักตบชวาในแหล่งน้ำอย่างต่อเนื่อง เป็นผลให้การกักเก็บและระบายน้ำในพื้นที่ต่างๆ มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น โดยขณะนี้ได้มีการประกาศให้ 42 อำเภอ ใน 16 จังหวัด ของภาคกลางและภาคอีสานเป็น “อำเภอปลอดผักตบชวา” รวมทั้งมีการจัดตั้ง “ชมรมริมน้ำ เพื่อการมีส่วนร่วมดูแลและรักษาแม่น้ำอย่างยั่งยืน” จำนวน 252 ชมรมในลุ่มน้ำภาคกลาง ส่วนในภาคอีสานมีการจัดกิจกรรม “1คน 1 กอ ผักตบชวา” ใน 6 จังหวัด 240 ครั้ง ให้ประชาชนร่วมแรงร่วมใจกันกำจัดผักตบชวาในแหล่งน้ำชุมชน
นอกจากนี้ ในภาคอีสานยังได้ประกาศให้ 5 ค่ายทหาร ใน 2 จังหวัด เป็น “ค่ายทหารปลอดผักตบชวา” อีกด้วย ซึ่งในทุกกิจกรรมข้างต้น กองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อยประจำพื้นที่ จะร่วมกับทุกภาคส่วนดำเนินการอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้เป็นไปตามแนวทางการดูแล และรักษาแหล่งน้ำอย่างยั่งยืนที่รัฐบาล และ คสช.กำหนดไว้
พ.อ.หญิง ศิริจันทร์ งาทอง รองโฆษก คสช. เปิดเผยว่า พล.อ.เทพพงศ์ กล่าวถึงสถานการณ์น้ำว่า ขณะนี้ปริมาณน้ำในเขื่อนหลักมีมากกว่าปีที่ผ่านมา แต่ยังห่วงว่าประชาชนในบางพื้นที่อาจได้รับความเดือดร้อนจากการขาดแคลนน้ำ กำชับให้ทุกส่วนช่วยกันกระจายความช่วยเหลือให้ครอบคลุม ควบคู่ไปกับเร่งรัดโครงการของภาครัฐที่เกี่ยวกับการพัฒนาแหล่งน้ำ และการเพิ่มประสิทธิภาพการไหลของน้ำ เพื่อเตรียมการรองรับการเข้าสู่ฤดูฝน และป้องกันปัญหาอุทกภัยที่อาจจะเกิดขึ้น ส่วนในเรื่องการสนับสนุนการบริหารจัดการน้ำอย่างยั่งยืนนั้น จากการที่คณะรักษาความสงบแห่งชาติ ได้ร่วมกับทุกฝ่ายกำจัดผักตบชวาในแหล่งน้ำอย่างต่อเนื่อง เป็นผลให้การกักเก็บและระบายน้ำในพื้นที่ต่างๆ มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น โดยขณะนี้ได้มีการประกาศให้ 42 อำเภอ ใน 16 จังหวัด ของภาคกลางและภาคอีสานเป็น “อำเภอปลอดผักตบชวา” รวมทั้งมีการจัดตั้ง “ชมรมริมน้ำ เพื่อการมีส่วนร่วมดูแลและรักษาแม่น้ำอย่างยั่งยืน” จำนวน 252 ชมรมในลุ่มน้ำภาคกลาง ส่วนในภาคอีสานมีการจัดกิจกรรม “1คน 1 กอ ผักตบชวา” ใน 6 จังหวัด 240 ครั้ง ให้ประชาชนร่วมแรงร่วมใจกันกำจัดผักตบชวาในแหล่งน้ำชุมชน
นอกจากนี้ ในภาคอีสานยังได้ประกาศให้ 5 ค่ายทหาร ใน 2 จังหวัด เป็น “ค่ายทหารปลอดผักตบชวา” อีกด้วย ซึ่งในทุกกิจกรรมข้างต้น กองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อยประจำพื้นที่ จะร่วมกับทุกภาคส่วนดำเนินการอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้เป็นไปตามแนวทางการดูแล และรักษาแหล่งน้ำอย่างยั่งยืนที่รัฐบาล และ คสช.กำหนดไว้