จากกรณีที่มีการเผยแพร่คลิปแย่งลูกสาวฝาแฝด ระหว่างฝ่ายป้าและยาย กับฝ่ายพ่อที่มีการอ้างว่าไม่เคยดูแลมานานกว่า 7 ปี ล่าสุด เจ้าหน้าที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ พร้อมด้วยนายอำเภอไทรน้อย ได้นัดตั้งโต๊ะเจรจา โดยเรียกให้ทั้งสองฝ่ายมาเจรจากันที่อำเภอไทรน้อย จ.นนทบุรี แต่เมื่อถึงเวลานัด 15.00 น.ที่ผ่านมา ผู้เป็นพ่อพร้อมญาติๆ ได้เดินทางมาตามนัดเพื่อเจรจาหาข้อยุติ แต่อีกฝ่าย คือยายและป้าของเด็กฝาแฝดกลับไม่เดินทางมา โดยให้เหตุผลว่าป่วย ไม่พร้อมที่จะเจรจา
อย่างไรก็ตาม ญาติฝ่ายพ่อที่อยู่ในเหตุการณ์ตามคลิป ยืนยันว่า ตลอด 7 ปี มีความพยายามขอลูกมาเลี้ยง ตั้งแต่จบงานศพแม่ของเด็ก แต่อีกฝ่ายบ่ายเบี่ยง พอจะไปหาที่ จ.ศรีสะเกษ ก็พาลูกหลบบ้าง ไม่ให้ลูกพบบ้าง แต่ทางพ่อเด็กก็ใจเย็นมาตลอด ซึ่งญาติได้ให้คำปรึกษากับพ่อเด็กว่า ถ้าอีกฝ่ายอยากเลี้ยงก็ให้เขาดูแลไป เราอยู่กันแค่นี้ก็ได้ แต่ฝ่ายพ่อไม่ยอม และเดินทางไปเยี่ยมลูก พร้อมซื้อของ และส่งเงินไปให้เป็นประจำ
ขณะที่อีกฝ่ายเริ่มกีดกันหนักขึ้น จึงจำเป็นต้องพึ่งกระบวนการทางกฎหมาย แต่ไม่เข้าใจว่าอีกฝ่ายให้ข่าวแบบนั้นได้อย่างไร อีกทั้งเหตุการณ์ที่เกิดตามคลิปก็ได้เจรจากันลงตัวแล้ว และทางพ่อก็อนุญาตให้ยายมาอยู่ด้วยกัน ช่วยกันเลี้ยงหลานที่บ้าน อ.ไทรน้อย แต่ปรากฏว่าพอถึงเวลาเอาเด็กกลับบ้าน อีกฝ่ายกลับพูดจาไม่ดี ทำให้เด็กกลัวและร้องไห้ ซึ่งเป็นเรื่องปกติที่เด็กอยู่กับยายมา พอจะห่างกันก็ต้องร้อง แต่อีกฝ่ายไม่ช่วยปลอบและพูดให้เด็กเข้าใจ กลับพยายามดึงเด็กกลับไป
ทั้งนี้ เมื่อเด็กขึ้นรถมาไม่ถึง 10 นาที ก็เป็นปกติ และขณะนี้เด็กแฝดก็เข้ากับครอบครัวได้ดี ติดแม่เลี้ยงมาก นอนกอดกันทุกคืน รวมทั้งเริ่มปรับตัวเข้ากับพี่ชายได้ ซึ่งทางครอบครัวยืนยันว่า พ่อเด็กและแม่เลี้ยงมีศักยภาพที่จะดูแลเด็กทั้งสองคนได้ และไม่เข้าใจว่าเหตุใดวันนี้อีกฝ่ายหนึ่งจึงไม่ยอมมา
อย่างไรก็ตาม หลังจากนี้ทางครอบครัวจะขออยู่เงียบๆ และจะเดินหน้าปรับความเข้าใจ เลี้ยงดูลูกแฝดทั้งสองคนต่อไป แต่หากอีกฝ่ายอยากเจอหลาน ก็สามารถติดต่อมาได้ แต่ขอเวลาให้เด็กคุ้นเคยกับพ่อและครอบครัวใหม่อีกสักพักหนึ่งก่อน
อย่างไรก็ตาม ญาติฝ่ายพ่อที่อยู่ในเหตุการณ์ตามคลิป ยืนยันว่า ตลอด 7 ปี มีความพยายามขอลูกมาเลี้ยง ตั้งแต่จบงานศพแม่ของเด็ก แต่อีกฝ่ายบ่ายเบี่ยง พอจะไปหาที่ จ.ศรีสะเกษ ก็พาลูกหลบบ้าง ไม่ให้ลูกพบบ้าง แต่ทางพ่อเด็กก็ใจเย็นมาตลอด ซึ่งญาติได้ให้คำปรึกษากับพ่อเด็กว่า ถ้าอีกฝ่ายอยากเลี้ยงก็ให้เขาดูแลไป เราอยู่กันแค่นี้ก็ได้ แต่ฝ่ายพ่อไม่ยอม และเดินทางไปเยี่ยมลูก พร้อมซื้อของ และส่งเงินไปให้เป็นประจำ
ขณะที่อีกฝ่ายเริ่มกีดกันหนักขึ้น จึงจำเป็นต้องพึ่งกระบวนการทางกฎหมาย แต่ไม่เข้าใจว่าอีกฝ่ายให้ข่าวแบบนั้นได้อย่างไร อีกทั้งเหตุการณ์ที่เกิดตามคลิปก็ได้เจรจากันลงตัวแล้ว และทางพ่อก็อนุญาตให้ยายมาอยู่ด้วยกัน ช่วยกันเลี้ยงหลานที่บ้าน อ.ไทรน้อย แต่ปรากฏว่าพอถึงเวลาเอาเด็กกลับบ้าน อีกฝ่ายกลับพูดจาไม่ดี ทำให้เด็กกลัวและร้องไห้ ซึ่งเป็นเรื่องปกติที่เด็กอยู่กับยายมา พอจะห่างกันก็ต้องร้อง แต่อีกฝ่ายไม่ช่วยปลอบและพูดให้เด็กเข้าใจ กลับพยายามดึงเด็กกลับไป
ทั้งนี้ เมื่อเด็กขึ้นรถมาไม่ถึง 10 นาที ก็เป็นปกติ และขณะนี้เด็กแฝดก็เข้ากับครอบครัวได้ดี ติดแม่เลี้ยงมาก นอนกอดกันทุกคืน รวมทั้งเริ่มปรับตัวเข้ากับพี่ชายได้ ซึ่งทางครอบครัวยืนยันว่า พ่อเด็กและแม่เลี้ยงมีศักยภาพที่จะดูแลเด็กทั้งสองคนได้ และไม่เข้าใจว่าเหตุใดวันนี้อีกฝ่ายหนึ่งจึงไม่ยอมมา
อย่างไรก็ตาม หลังจากนี้ทางครอบครัวจะขออยู่เงียบๆ และจะเดินหน้าปรับความเข้าใจ เลี้ยงดูลูกแฝดทั้งสองคนต่อไป แต่หากอีกฝ่ายอยากเจอหลาน ก็สามารถติดต่อมาได้ แต่ขอเวลาให้เด็กคุ้นเคยกับพ่อและครอบครัวใหม่อีกสักพักหนึ่งก่อน