นายวีรศักดิ์ ศุภประเสริฐ รองผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม (สศอ.) เปิดเผยว่า MPI เดือนมีนาคม 2560 เพิ่มขึ้นต่อเนื่องจากเดือนกุมภาพันธ์ โดยเพิ่มขึ้นร้อยละ 12.13 แต่ลดลงร้อยละ 0.5 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ท่ามกลางค่าเงินที่ผันผวน ขณะที่ MPI ไตรมาสแรกเพิ่มขึ้นร้อยละ 0.1 สะท้อนความแข็งแกร่งของภาคอุตสาหกรรมไทย และแสดงถึงเศรษฐกิจไทยกำลังฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง และมีแนวโน้มเติบโตได้ดีตามความต้องการในตลาดโลก โดยเดือนมีนาคม การส่งออกสินค้าอุตสาหกรรมไม่รวมทองคำแท่งขยายตัวร้อยละ 10.2 ซึ่งเดือนเมษายน คาดว่าจะขยายตัวต่อเนื่อง เว้นแต่ประเทศนำเข้าจะมีมาตรการกีดกันการค้าหรืออุปสรรคการขนส่งทางทะเล ด้านการนำเข้าสินค้าทุนเดือนมีนาคมขยายตัวร้อยละ 11.7 จากการนำเข้าเครื่องจักรกลและส่วนประกอบ เครื่องคอมพิวเตอร์ เป็นต้น
สำหรับอุตสาหกรรมสำคัญที่ส่งผลบวก ได้แก่ ฮาร์ดดิสก์ไดร์ฟ เพิ่มขึ้นร้อยละ 32.66 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยเฉพาะคำสั่งซื้อที่เพิ่มขึ้นทั้งจากสหรัฐอเมริกา ฮ่องกง จากที่ปีก่อนหน้านี้คำสั่งซื้อลดลง ขณะที่น้ำตาลก็เช่นกัน คำสั่งซื้อเพิ่มขึ้นร้อยละ 13.67 เหล็กและผลิตภัณฑ์เหล็ก เพิ่มขึ้นร้อยละ 9.01 เนื้อไก่แช่แข็ง 7.51 และน้ำมันปิโตรเลียมเพิ่มขึ้นร้อยละ 7.41
ส่วนอุตสาหกรรมที่ส่งผลลบต่อ MPI ได้แก่ รถยนต์ ปรับตัวลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อน ร้อยละ 11.12 เนื่องจากได้รับผลกระทบจากตลาดตะวันออกกลางชะลอตัวลงจากปัญหาเศรษฐกิจและการเมือง และอีกอุตสาหกรรม คือ เครื่องยนต์สำหรับรถยนต์ ปรับตัวลดลงจากช่วงเดียวกันปีก่อนร้อยละ 6.26 จากความต้องการใช้ที่ลดลงทั้งเครื่องยนต์เบนซินและดีเซล
นอกจากนี้ สำหรับอุตสาหกรรมที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นไตรมาส 1 และคาดว่าจะขยายตัวต่อเนื่องไตรมาส 2 คือ อุตสาหกรรมไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ ไตรมาสแรกปีนี้การผลิตเพิ่มขึ้นร้อยละ 14.16 จากการขยายตัวของกลุ่ม Other IC เป็นหลัก ตามการขยายตัวของความต้องการชิ้นส่วนในตลาดโลก อุตสาหกรรมเภสัชศาสตร์กรรม เคมีภัณฑ์ที่ใช้รักษาโรค การผลิตเพิ่มขึ้นร้อยละ 18.03 โดยมีการเปิดตลาดยาเม็ดใหม่ในหลายประเทศ เช่น ฮ่องกง เกาหลี อุตสาหกรรมเหล็กและผลิตภัณฑ์เหล็กกล้าขั้นมูลฐาน การผลิตภาพรวมปรับตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 9.59 ตามความต้องการใช้งานในโครงสร้างพื้นฐานของภาครัฐอย่างต่อเนื่องและระยะยาว และอุตสาหกรรมการแปรรูปและการถนอมสัตว์น้ำไตรมาส 1 ปีนี้ เพิ่มขึ้นร้อยละ 3.18 จากสินค้าปลาและปลาหมึกแช่แข็ง
สำหรับอุตสาหกรรมสำคัญที่ส่งผลบวก ได้แก่ ฮาร์ดดิสก์ไดร์ฟ เพิ่มขึ้นร้อยละ 32.66 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยเฉพาะคำสั่งซื้อที่เพิ่มขึ้นทั้งจากสหรัฐอเมริกา ฮ่องกง จากที่ปีก่อนหน้านี้คำสั่งซื้อลดลง ขณะที่น้ำตาลก็เช่นกัน คำสั่งซื้อเพิ่มขึ้นร้อยละ 13.67 เหล็กและผลิตภัณฑ์เหล็ก เพิ่มขึ้นร้อยละ 9.01 เนื้อไก่แช่แข็ง 7.51 และน้ำมันปิโตรเลียมเพิ่มขึ้นร้อยละ 7.41
ส่วนอุตสาหกรรมที่ส่งผลลบต่อ MPI ได้แก่ รถยนต์ ปรับตัวลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อน ร้อยละ 11.12 เนื่องจากได้รับผลกระทบจากตลาดตะวันออกกลางชะลอตัวลงจากปัญหาเศรษฐกิจและการเมือง และอีกอุตสาหกรรม คือ เครื่องยนต์สำหรับรถยนต์ ปรับตัวลดลงจากช่วงเดียวกันปีก่อนร้อยละ 6.26 จากความต้องการใช้ที่ลดลงทั้งเครื่องยนต์เบนซินและดีเซล
นอกจากนี้ สำหรับอุตสาหกรรมที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นไตรมาส 1 และคาดว่าจะขยายตัวต่อเนื่องไตรมาส 2 คือ อุตสาหกรรมไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ ไตรมาสแรกปีนี้การผลิตเพิ่มขึ้นร้อยละ 14.16 จากการขยายตัวของกลุ่ม Other IC เป็นหลัก ตามการขยายตัวของความต้องการชิ้นส่วนในตลาดโลก อุตสาหกรรมเภสัชศาสตร์กรรม เคมีภัณฑ์ที่ใช้รักษาโรค การผลิตเพิ่มขึ้นร้อยละ 18.03 โดยมีการเปิดตลาดยาเม็ดใหม่ในหลายประเทศ เช่น ฮ่องกง เกาหลี อุตสาหกรรมเหล็กและผลิตภัณฑ์เหล็กกล้าขั้นมูลฐาน การผลิตภาพรวมปรับตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 9.59 ตามความต้องการใช้งานในโครงสร้างพื้นฐานของภาครัฐอย่างต่อเนื่องและระยะยาว และอุตสาหกรรมการแปรรูปและการถนอมสัตว์น้ำไตรมาส 1 ปีนี้ เพิ่มขึ้นร้อยละ 3.18 จากสินค้าปลาและปลาหมึกแช่แข็ง