นายฉัตรชัย พรหมเลิศ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เปิดเผยว่า ระหว่างวันที่ 27 - 28 เมษายนนี้ มีพื้นที่ได้รับผล กระทบจากวาตภัย รวม 3 จังหวัด 5 อำเภอ 11 ตำบล 30 หมู่บ้าน บ้านเรือนเสียหาย 295 หลัง แยกเป็น ภาคเหนือ 2 จังหวัด ได้แก่ ตาก พิจิตร และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 1 จังหวัด ได้แก่ หนองคาย จึงประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและหน่วยทหาร เร่งให้การช่วยเหลือผู้ประสบภัยในเบื้องต้น รวมถึงจัดเจ้าหน้าที่สำรวจและประเมินความเสียหาย เพื่อดำเนินการช่วยเหลือ
ทั้งนี้ พบว่า ในวันที่ 28 - 29 เมษายน ประเทศไทยเกิดพายุฤดูร้อนเพิ่มมากขึ้น ครอบคลุมทุกจังหวัดในพื้นที่ภาคเหนือ บางจังหวัดในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคตะวันออก ภาคกลาง กรุงเทพมหานครและปริมณฑล จึงได้ประสานจังหวัดจัดเจ้าหน้าที่ติดตามสภาพอากาศและเฝ้าระวังสถานการณ์ภัยอย่างใกล้ชิด อีกทั้งจัดเตรียมวัสดุอุปกรณ์ให้พร้อมปฏิบัติการเผชิญเหตุและช่วยเหลือผู้ประสบภัยอย่างทันท่วงที พร้อมแจ้งเตือนประชาชนให้ติดตามพยากรณ์อากาศอย่างใกล้ชิด และระมัดระวังอันตรายจากฝนฟ้าคะนอง พายุลมแรง และฟ้าผ่า ซึ่งประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนจากสถานการณ์ภัย สามารถติดต่อขอความช่วยเหลือได้ทางสายด่วนนิรภัย 1784 ตลอด 24 ชั่วโมง
ทั้งนี้ พบว่า ในวันที่ 28 - 29 เมษายน ประเทศไทยเกิดพายุฤดูร้อนเพิ่มมากขึ้น ครอบคลุมทุกจังหวัดในพื้นที่ภาคเหนือ บางจังหวัดในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคตะวันออก ภาคกลาง กรุงเทพมหานครและปริมณฑล จึงได้ประสานจังหวัดจัดเจ้าหน้าที่ติดตามสภาพอากาศและเฝ้าระวังสถานการณ์ภัยอย่างใกล้ชิด อีกทั้งจัดเตรียมวัสดุอุปกรณ์ให้พร้อมปฏิบัติการเผชิญเหตุและช่วยเหลือผู้ประสบภัยอย่างทันท่วงที พร้อมแจ้งเตือนประชาชนให้ติดตามพยากรณ์อากาศอย่างใกล้ชิด และระมัดระวังอันตรายจากฝนฟ้าคะนอง พายุลมแรง และฟ้าผ่า ซึ่งประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนจากสถานการณ์ภัย สามารถติดต่อขอความช่วยเหลือได้ทางสายด่วนนิรภัย 1784 ตลอด 24 ชั่วโมง