นายสุรเดช วลีอิทธิกุล เลขาธิการสำนักงานประกันสังคม (สปส.) เปิดเผยถึงความคืบหน้าการดำเนินการตามคำสั่งหัวหน้า คสช.ที่ 58/2559 เรื่องการรับบริการสาธารณสุขของคนพิการที่กำหนดให้กองทุนประกันสังคมโอนสิทธิผู้พิการที่เป็นผู้ประกันตนตามกฎหมายว่าด้วยการประกันสังคมไปใช้บริการสาธารณสุขตามกฎหมาย ว่าด้วยหลักประกันสังคมแห่งชาติ (บัตรทอง) ว่า จากการดำเนินงานพบว่ามีคนพิการที่เป็นผู้ประกันตน และถูกโอนสิทธิไปใช้บริการสาธารณสุขตามกฎหมายว่าด้วยหลักประกันสุขภาพแห่งชาติได้เรียกร้องขอกลับมาใช้บริการสาธารณสุขตามกฎหมายว่าด้วยการประกันสังคม เนื่องจากไม่ได้รับความสะดวก สปส.ได้นำเสียงสะท้อนของผู้ประกันตนในการใช้สิทธิดังกล่าว มาปรับปรุงแก้ไข เพื่อให้คนพิการมีโอกาสเลือกสิทธิตามความสะดวก และได้ปรับเพิ่มสิทธิประโยชน์ให้กับคนพิการที่เป็นผู้ประกันตนสามารถเข้ารับการรักษาในสถานพยาบาลของรัฐได้ทุกแห่ง รวมทั้งปรับปรุงแนวปฏิบัติการจ่ายค่าบริการทางการแพทย์ให้กับสถานพยาบาลของรัฐที่ให้บริการผู้พิการที่เป็นผู้ประกันตน
ทั้งนี้ ผู้พิการที่เป็นผู้ประกันตน และใช้สิทธิบริการทางการแพทย์ของประกันสังคมสามารถใช้สิทธิได้เท่าเทียมกับผู้ประกันตนทั่วไป ได้แก่ เงินค่าทดแทนการขาดรายได้กรณีพักรักษาตัวตามคำสั่งแพทย์ของผู้พิการที่เป็นผู้ประกันตน กรณีคลอดบุตร กรณีทุพพลภาพ สงเคราะห์บุตร ว่างงาน และชราภาพ รวมทั้งให้ผู้พิการที่เป็นผู้ประกันตน แต่ยังใช้สิทธิบริการทางการแพทย์ของ สปสช. ให้ สปส.จ่ายค่าบริการทางการแพทย์ให้กับสถานพยาบาลของรัฐที่ให้บริการผู้พิการ ที่เป็นผู้ประกันตนฯในอัตราเดียวกับ สปสช. โดยกรณีเป็นผู้ป่วยนอกให้เบิกได้เท่าที่จ่ายจริง สามารถขอรับสิทธิประโยชน์กรณีอื่นจากสำนักงานประกันสังคมได้เช่นเดิม
ทั้งนี้ ผู้พิการที่เป็นผู้ประกันตน และใช้สิทธิบริการทางการแพทย์ของประกันสังคมสามารถใช้สิทธิได้เท่าเทียมกับผู้ประกันตนทั่วไป ได้แก่ เงินค่าทดแทนการขาดรายได้กรณีพักรักษาตัวตามคำสั่งแพทย์ของผู้พิการที่เป็นผู้ประกันตน กรณีคลอดบุตร กรณีทุพพลภาพ สงเคราะห์บุตร ว่างงาน และชราภาพ รวมทั้งให้ผู้พิการที่เป็นผู้ประกันตน แต่ยังใช้สิทธิบริการทางการแพทย์ของ สปสช. ให้ สปส.จ่ายค่าบริการทางการแพทย์ให้กับสถานพยาบาลของรัฐที่ให้บริการผู้พิการ ที่เป็นผู้ประกันตนฯในอัตราเดียวกับ สปสช. โดยกรณีเป็นผู้ป่วยนอกให้เบิกได้เท่าที่จ่ายจริง สามารถขอรับสิทธิประโยชน์กรณีอื่นจากสำนักงานประกันสังคมได้เช่นเดิม