นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี แถลงผลการประชุมคณะกรรมการบริหารราชการแผ่นดิน ตามกรอบการปฏิรูปประเทศ ยุทธศาสตร์ชาติ และการสร้างความปรองดอง (ป.ย.ป.) ครั้งที่ 1/2560 ที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธาน
ที่ประชุมได้มีมติรับทราบผลการดําเนินงานในภาพรวมของ ป.ย.ป. และผลการดําเนินงานของคณะกรรมการภายใต้ ป.ย.ป. 4 คณะ ว่า ช่วง 2 เดือนที่ผ่านมาได้ทำอะไรไปบ้าง เช่น โครงการรถไฟความเร็วสูงไทย-จีน ที่จะดำเนินการในอีก 2 เดือนข้างหน้า กฎหมายเขตพัฒนาพิเศษ ราคาผลผลิตทางการเกษตร หรือพืชเกษตนอื่น ๆ และการให้ความสะดวก แก้ปัญหาการอำนวยความสะดวกด้านธุรกิจลงทุน โดยได้แก้ไขกฎหมายสำคัญ 4-5 ฉบับไปพร้อมกัน ซึ่งจะเป็นประโยชน์ที่ธนาคารโลกสมัครประเมินต่อไป
ส่วนคณะกรรมการเตรียมการยุทธศาสตร์ชาติ รายงานว่า ได้ดำเนินการด้านยุทธศาสตร์ชาติ 6 ด้าน ไว้อย่างไรบ้าง ซึ่งได้เสนอกฎหมายยุทธศาสตร์ชาติเข้าสภาฯ ไปแล้วเมื่อวานนี้ ถือเป็นการวางศิลาฤกษ์ก้อนแรกของยุทธศาสตร์ชาติ เพราะกฎหมายยุทธศาสตร์ชาติจะต้องออกภายใน 4 เดือน คือ จะต้องประกาศใช้ภายในเดือนสิงหาคม จากนั้นต้องตั้งคณะกรรมการยุทธศาสตร์ชาติ 32 คน และจัดทำยุทธศาสตร์ชาติให้เสร็จภายใน 1 ปี โดยมีการรับฟังความคิดเห็นจากประชาชน ซึ่งจะมีอายุ 20 ปี ดังนั้น การวางแผนงาน งบประมาณ และบุคลากร จะต้องสอดคล้องกับยุทธศาสตร์ชาติชุดเตรียมการปฏิรูป และรายงานให้ทราบว่า พยายามนำสิ่งที่ สปท. รวมทั้งที่รัฐบาลเสนอ มาขับเคลื่อน ซึ่งนายกรัฐมนตรีให้ความสำคัญกับเรื่องที่จะต้องดำเนินการภายใน 1 ปี ที่มีทั้งสิ้น 27 วาระ
นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรี ยังรับข้อเสนอของ สปท. อีก 4 เรื่อง ดำเนินการ คือ ตลาดชุมชน หรือตลาดการเกษตร ที่เสนอให้ขึ้นในทุกจังหวัด ฟื้นฟูแหล่งน้ำขนาดเล็กในหมู่บ้าน การประกันภัยการเกษตร โดยให้กระทรวงเกษตรฯ กระทรวงพาณิชย์ และกระทรวงการคลัง ไปดูว่าจะขับเคลื่อนได้อย่างไร ข้อเสนอจัดตั้งศาลสิ่งแวดล้อม แต่จะต้องหารือกับสำนักงานศาลยุติธรรม และกระทรวงยุติธรรม ว่าพร้อมหรือไม่ เพราะจะต้อง มีผู้ที่มีความรู้ความชำนาญ และนักวิชาการสิ่งแวดล้อม เป็นผู้พิพากษาสมทบด้วย การผ่อนคลายมาตรการตามกฎหมายร่วมทุน หรือกฎหมาย PPP เพื่อความสะดวกในการลงทุน
ส่วนการสร้างความสามัคคีปรองดองในตั้งอนุกรรมการขึ้นมา 4 ชุด ทั้งเอกชน และนักการเมือง เรื่องบางเรื่องก็ตรงกับที่รัฐบาลทำอยู่แล้ว โดยจะนำไปจับคู่และจัดลำดับความสำคัญที่จะดำเนินการต่อไป ส่วนเมื่อการปฏิรูปเสร็จสิ้น คณะกรรมการ ป.ย.ป. จะยังคงอยู่ต่อไป โดยจะทำงานควบคู่ไปกับคณะกรรมการยุทธศาสตร์ชาติ และคณะกรรมการปฏิรูปประเทศ แต่เมื่อมีรัฐบาลใหม่ก็สามารถยกเลิก ป.ย.ป ได้ ขณะเดียวกัน ที่ประชุมรับทราบว่ามีกฎหมายอะไรบ้างที่จะออกภายใน 4 เดือน 6 เดือน หรือ 12 เดือน และหากเสร็จไม่ทันใครจะเป็นผู้รับผิดชอบ
ขณะเดียวกัน นายกรัฐมนตรี แจ้งว่าเดือนตุลาคม มีกำหนดการสำคัญเรื่องพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพ และปลายปีจะมีพิธีพระบรมราชาภิเษก จากนั้นทุกอย่างจะเดินไปตามขั้นตอน หลังจากกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญ ที่เกี่ยวกับการเลือกตั้ง 4 ฉบับเสร็จสิ้น จึงสามารถนับหนึ่งเลือกตั้งได้
ที่ประชุมได้มีมติรับทราบผลการดําเนินงานในภาพรวมของ ป.ย.ป. และผลการดําเนินงานของคณะกรรมการภายใต้ ป.ย.ป. 4 คณะ ว่า ช่วง 2 เดือนที่ผ่านมาได้ทำอะไรไปบ้าง เช่น โครงการรถไฟความเร็วสูงไทย-จีน ที่จะดำเนินการในอีก 2 เดือนข้างหน้า กฎหมายเขตพัฒนาพิเศษ ราคาผลผลิตทางการเกษตร หรือพืชเกษตนอื่น ๆ และการให้ความสะดวก แก้ปัญหาการอำนวยความสะดวกด้านธุรกิจลงทุน โดยได้แก้ไขกฎหมายสำคัญ 4-5 ฉบับไปพร้อมกัน ซึ่งจะเป็นประโยชน์ที่ธนาคารโลกสมัครประเมินต่อไป
ส่วนคณะกรรมการเตรียมการยุทธศาสตร์ชาติ รายงานว่า ได้ดำเนินการด้านยุทธศาสตร์ชาติ 6 ด้าน ไว้อย่างไรบ้าง ซึ่งได้เสนอกฎหมายยุทธศาสตร์ชาติเข้าสภาฯ ไปแล้วเมื่อวานนี้ ถือเป็นการวางศิลาฤกษ์ก้อนแรกของยุทธศาสตร์ชาติ เพราะกฎหมายยุทธศาสตร์ชาติจะต้องออกภายใน 4 เดือน คือ จะต้องประกาศใช้ภายในเดือนสิงหาคม จากนั้นต้องตั้งคณะกรรมการยุทธศาสตร์ชาติ 32 คน และจัดทำยุทธศาสตร์ชาติให้เสร็จภายใน 1 ปี โดยมีการรับฟังความคิดเห็นจากประชาชน ซึ่งจะมีอายุ 20 ปี ดังนั้น การวางแผนงาน งบประมาณ และบุคลากร จะต้องสอดคล้องกับยุทธศาสตร์ชาติชุดเตรียมการปฏิรูป และรายงานให้ทราบว่า พยายามนำสิ่งที่ สปท. รวมทั้งที่รัฐบาลเสนอ มาขับเคลื่อน ซึ่งนายกรัฐมนตรีให้ความสำคัญกับเรื่องที่จะต้องดำเนินการภายใน 1 ปี ที่มีทั้งสิ้น 27 วาระ
นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรี ยังรับข้อเสนอของ สปท. อีก 4 เรื่อง ดำเนินการ คือ ตลาดชุมชน หรือตลาดการเกษตร ที่เสนอให้ขึ้นในทุกจังหวัด ฟื้นฟูแหล่งน้ำขนาดเล็กในหมู่บ้าน การประกันภัยการเกษตร โดยให้กระทรวงเกษตรฯ กระทรวงพาณิชย์ และกระทรวงการคลัง ไปดูว่าจะขับเคลื่อนได้อย่างไร ข้อเสนอจัดตั้งศาลสิ่งแวดล้อม แต่จะต้องหารือกับสำนักงานศาลยุติธรรม และกระทรวงยุติธรรม ว่าพร้อมหรือไม่ เพราะจะต้อง มีผู้ที่มีความรู้ความชำนาญ และนักวิชาการสิ่งแวดล้อม เป็นผู้พิพากษาสมทบด้วย การผ่อนคลายมาตรการตามกฎหมายร่วมทุน หรือกฎหมาย PPP เพื่อความสะดวกในการลงทุน
ส่วนการสร้างความสามัคคีปรองดองในตั้งอนุกรรมการขึ้นมา 4 ชุด ทั้งเอกชน และนักการเมือง เรื่องบางเรื่องก็ตรงกับที่รัฐบาลทำอยู่แล้ว โดยจะนำไปจับคู่และจัดลำดับความสำคัญที่จะดำเนินการต่อไป ส่วนเมื่อการปฏิรูปเสร็จสิ้น คณะกรรมการ ป.ย.ป. จะยังคงอยู่ต่อไป โดยจะทำงานควบคู่ไปกับคณะกรรมการยุทธศาสตร์ชาติ และคณะกรรมการปฏิรูปประเทศ แต่เมื่อมีรัฐบาลใหม่ก็สามารถยกเลิก ป.ย.ป ได้ ขณะเดียวกัน ที่ประชุมรับทราบว่ามีกฎหมายอะไรบ้างที่จะออกภายใน 4 เดือน 6 เดือน หรือ 12 เดือน และหากเสร็จไม่ทันใครจะเป็นผู้รับผิดชอบ
ขณะเดียวกัน นายกรัฐมนตรี แจ้งว่าเดือนตุลาคม มีกำหนดการสำคัญเรื่องพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพ และปลายปีจะมีพิธีพระบรมราชาภิเษก จากนั้นทุกอย่างจะเดินไปตามขั้นตอน หลังจากกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญ ที่เกี่ยวกับการเลือกตั้ง 4 ฉบับเสร็จสิ้น จึงสามารถนับหนึ่งเลือกตั้งได้