วันนี้ (20 เม.ย.) นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรีเศรษฐกิจ เดินทางไปตรวจเยี่ยมและมอบนโยบายคณะกรรมการและผู้บริหาร สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) โดยนายสมคิด กล่าวว่า วันนี้ได้ให้นโยบาย สศช.เปลี่ยนแปลงและปรับบทบาทการทำงาน เพื่อใช้ศักยภาพที่มีสนับสนุนการทำงานของคณะกรรมการยุทธศาสตร์ชาติที่จะเกิดขึ้นในอนาคต โดย สศช.จะทำงานเหมือนฝ่ายเลขาวางรูปแบบและกำหนดวิสัยทัศน์พัฒนาประเทศระยะยาว 20-50 ปี เพื่อเป็นแนวทางให้คณะกรรมการยุทธศาสตร์ชาติ ซึ่งจะมีคณะกรรมการชุดต่าง ๆ สามารถดำเนินการได้ตามโครงที่ สศช.กำหนดไว้ ขณะเดียวกันเมื่อมีการผลักดันยุทธศาสตร์แล้ว สศช.จะกำหนดทิศทางและคัดท้ายให้การเดินไปของการพัฒนาเป็นไปตามกรอบได้ ซึ่งแนวทางนี้จะทำให้ สศช.เข้าใจบทบาทการทำงานของตัวเองอย่างชัดเจนและไม่ทำงานซ้ำซ้อนกับการทำงานของคณะกรรมการยุทธศาสตร์ชาติ
ส่วนโครงสร้างภายในองค์กร ที่ผ่านมาแบ่งการทำงานแต่ละฝ่ายเป็นกลุ่มงาน ดังนั้น ในอนาคตบทบาทกลุ่มงานใน สศช.จะต้องปรับตัวเองให้แต่ละกลุ่มงานสามารถเชื่อมโยงกับหน่วยงานทั้งภายในและภายนอก เช่น สถาบันการศึกษา สถาบันวิจัยทั้งในประเทศและต่างประเทศ นอกจากนี้ จะต้องมีการออกรูปแบบองค์กรที่จะสามารถดึงบุคลากรที่เป็นคนเก่ง ที่ผ่านมาคนรุ่นใหม่ที่มีความรู้ความสามารถมักถูกเอกชนดึงไปทำงาน แต่ในอนาคต สศช.จะต้องมีโครงสร้างองค์กร ผลตอบแทนที่สามารถดึงคนเหล่านี้ให้เป็นคลังสมองภาครัฐ รวมทั้งการทำงานต้องทำให้เกิดการคล่องตัว ซึ่งในส่วนของค่าตอบแทนรัฐบาลพร้อมสนับสนุนด้านงบประมาณให้เร่งผลักดันตามแนวทางนี้ และหวังว่าเลขาธิการ สศช.จะผลักดันให้เกิดการเปลี่ยนแปลงภายใน 3 เดือน
ขณะที่นายปรเมธี วิมลศิริ เลขาธิการ สศช. กล่าวว่า สศช.จะรับนโยบายไปดำเนินการปรับปรุงโดยเฉพาะคนรุ่นใหม่ที่มีความสามารถจะต้องปรับค่าตอบแทนและสภาพการทำงานให้จูงใจ รวมทั้งการทำงานเป็นฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการยุทธศาสตร์ชาติจะต้องจัดตั้งสำนักงาน ซึ่งการแก้ไขรายละเอียดปรับบทบาท สศช.นั้น จะพิจารณาปรับแก้ในร่างแก้ไข พ.ร.บ.สศช. ขณะนี้อยู่ระหว่างรับฟังความคิดเห็นเพื่อปรับแก้ก่อนเสนอให้คณะรัฐมนตรีพิจารณา
ส่วนโครงสร้างภายในองค์กร ที่ผ่านมาแบ่งการทำงานแต่ละฝ่ายเป็นกลุ่มงาน ดังนั้น ในอนาคตบทบาทกลุ่มงานใน สศช.จะต้องปรับตัวเองให้แต่ละกลุ่มงานสามารถเชื่อมโยงกับหน่วยงานทั้งภายในและภายนอก เช่น สถาบันการศึกษา สถาบันวิจัยทั้งในประเทศและต่างประเทศ นอกจากนี้ จะต้องมีการออกรูปแบบองค์กรที่จะสามารถดึงบุคลากรที่เป็นคนเก่ง ที่ผ่านมาคนรุ่นใหม่ที่มีความรู้ความสามารถมักถูกเอกชนดึงไปทำงาน แต่ในอนาคต สศช.จะต้องมีโครงสร้างองค์กร ผลตอบแทนที่สามารถดึงคนเหล่านี้ให้เป็นคลังสมองภาครัฐ รวมทั้งการทำงานต้องทำให้เกิดการคล่องตัว ซึ่งในส่วนของค่าตอบแทนรัฐบาลพร้อมสนับสนุนด้านงบประมาณให้เร่งผลักดันตามแนวทางนี้ และหวังว่าเลขาธิการ สศช.จะผลักดันให้เกิดการเปลี่ยนแปลงภายใน 3 เดือน
ขณะที่นายปรเมธี วิมลศิริ เลขาธิการ สศช. กล่าวว่า สศช.จะรับนโยบายไปดำเนินการปรับปรุงโดยเฉพาะคนรุ่นใหม่ที่มีความสามารถจะต้องปรับค่าตอบแทนและสภาพการทำงานให้จูงใจ รวมทั้งการทำงานเป็นฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการยุทธศาสตร์ชาติจะต้องจัดตั้งสำนักงาน ซึ่งการแก้ไขรายละเอียดปรับบทบาท สศช.นั้น จะพิจารณาปรับแก้ในร่างแก้ไข พ.ร.บ.สศช. ขณะนี้อยู่ระหว่างรับฟังความคิดเห็นเพื่อปรับแก้ก่อนเสนอให้คณะรัฐมนตรีพิจารณา