บรรยากาศการไว้อาลัยและกราบสักการะพระบรมศพ ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ในพระบรมมหาราชวัง ซึ่งดำเนินมาเป็นวันที่ 169 วัน ตลอดทั้งวันยังคงมีประชาชนจากทั่วสารทิศทั้งกรุงเทพฯ และต่างจังหวัดเดินทางมากราบสักการะพระบรมศพอย่างต่อเนื่อง ด้วยความสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณเป็นล้นพ้น เพราะวันนี้เป็นวันคล้ายวันเกิดอายุครบ 69 ปี จึงทำให้ นางกนกพร อนุสนธิ์ ชาวกรุงเทพฯ อยากใช้ช่วงเวลาวันสำคัญของชีวิตมากราบสักการะพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช เพื่อขอพรให้ตัวเองและครอบครัวมีแต่ความร่มเย็น โดย
นางกนกพร กล่าวว่า เดินทางมาสักการะพระบรมศพเป็นครั้งที่ 3 แล้ว ครั้งนี้ถือว่ารอไม่นาน เหมือนช่วง 100 วันแรก เพราะเคยรอนานที่สุดถึง 16 ชั่วโมง แต่การรอนานๆ นั้น ไม่ได้ทำให้รู้สึกท้อถอยแม้แต่อย่างใด ถ้าเทียบกับสิ่งที่ในหลวง ร.9 ท่านได้ทรงทำเพื่อปวงชนชาวไทย ไม่ว่าจะทุรกันดาร ข้ามน้ำ ข้ามภูเขา สักกี่แดดกี่ฝน พระองค์ก็มิเคยทรงย่อท้อ เพราะทุกถิ่นที่ ที่พระองค์เสด็จฯไปนั้นเพื่อราชทานความสุขสบายให้แก่พสกนิกรของพระองค์แทบทั้งสิ้น
นางประไพ ชูชัยมังคลา อายุ 66 ปี ที่เดินทางจากบ้านย่านลาดพร้าว มาสักการะพระบรมศพทุกๆ วัน หลังจากพระราชพิธีครบ 100 วันมาแล้ว เผยว่า ตั้งแต่ในหลวง ร.9 เสด็จสวรรคตครบ 100 วัน ก็พยายามมาให้ได้ทุกวันตั้งแต่จันทร์ถึงศุกร์ จะหยุดเสาร์อาทิตย์ เพราะคิดว่าคนเยอะ อยากให้โอกาสคนอื่นบ้าง หรืออย่างเทศกาลสงกรานต์ก็ให้โอกาสผู้อื่นได้มาบ้าง ไม่กินที่คนอื่น เพราะเราอยู่ใกล้แค่นี้ หากวันไหนไม่ได้มาจะรู้สึกจิตใจไม่ดี จากวันนี้คงมีเวลาอีกไม่มากที่จะได้มาส่งเสด็จฯ เป็นครั้งสุดท้าย วันถวายพระเพลิงอาจจะเข้าไม่ถึงเช่นทุกคนแล้ว ตอนนี้มีโอกาสก็มาดีกว่าจะได้ไม่รู้สึกเสียใจ
นางนวกมล ปัญโญแสง อายุ 51 ปี อาชีพปลูกต้นไม้ขาย ชาว ต.แม่กรณ์ อ.เมือง จ.เชียงราย กล่าวว่า ตนได้มีโอกาสเดินทางมากราบถวายบังคมพระบรมศพในหลวงรัชกาลที่ 9 เป็นครั้งที่สอง โดยวันนี้เดินทางมาพร้อมกับน้องสาว และหลานสาวฝาแฝด ปลื้มใจมากที่ได้มีโอกาสเดินทางมากราบพระองค์อีกครั้งในวันนี้ เพราะรักพระองค์มาก รักที่สุด และถ้ามีโอกาสจะเดินทางมาอีกอย่างแน่นอน มากราบทีไรก็น้ำตาไหลทุกครั้ง เพราะตื้นตันใจที่พระองค์ทรงคิดค้นโครงการในพระราชดำริต่าง ๆเพื่อช่วยเหลือราษฎร ขณะขึ้นกราบก็อธิษฐานขอให้เกิดเป็นพสกนิกรใต้ร่มพระบรมโพธิสมภารของพระองค์ตลอดไป
ด้านนางนงคราญ ปัญโญแสง อายุ 49 ปี อาชีพทำสวนยาง ทำการเกษตร และขายอาหารตามสั่ง ชาว ต.ระงู อ.ระงู จ.สตูล กล่าวว่า หลักจากที่ตนและลูกสาวฝาแฝด เดินทางไปเผาศพคุณแม่ที่ จ.เชียงราย เสร็จแล้วอยากมากราบพระบรมศพในหลวงรัชกาลที่ 9 ด้วย จึงเดินทางมาพร้อมกับพี่สาว เพื่อมากราบพระองค์ก่อนเดินทางกลับ จ.สตูล เพราะตนคงไม่มีโอกาสได้เดินทางมาบ่อย เพราะติดภาระดูแลครอบครัว ซึ่งปกติก็กราบพระบรมฉายาลักษณ์พระองค์ที่ห้องพระที่บ้านเป็นประจำทุกวัน พระองค์ท่านเป็นที่ยึดเหนี่ยวจิตใจ และทรงเป็นแบบอย่างในการดำเนินชีวิต ซึ่งตนได้เดินตามรอยในเรื่องเศรษฐกิจพอเพียง จากที่ดินรกร้างว่างเปล่าก็เข้าไปทำมาหากิน ทั้งปลูกผัก เลี้ยงสัตว์ ไว้กินไว้ขายและแจกคนรอบข้าง
นางสุดใจ ตามบุญ อายุ 66 ปี แม่ค้าขายโจ๊ก ชาว อ.ไทรน้อย จ.นนทบุรี เดินทางมาพร้อมลูกสาว น.ส.อรนุช ตามบุญ ตั้งแต่เวลา 05.00 น. กล่าวว่า เป็นครั้งแรกที่ได้มีโอกาสมากราบพระบรมศพ ทั้งๆ ที่อยากมาตั้งแต่ทราบข่าวเดือน ต.ค.ปีที่แล้ว แต่อยากให้ประชาชนต่างจังหวัดที่อยู่ไกลได้มากราบก่อน เราเองอยู่ใกล้มาเมื่อไรก็ได้ แต่พอทราบข่าวจากที่ส่งต่อกันว่าจะมีพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพตอนปลายปี วันนี้จึงรีบชวนกันมากราบ ประกอบกับอยู่ในช่วงปิดร้านสงกรานต์ ซึ่งก่อนหน้านี้ทุกคืนจะกราบพระบรมฉายาลักษณ์และนึกถึงพระองค์ท่านเสมอ ที่ทรงมีพระมหากรุณาธิคุณต่อประชาชนชาวไทย เมื่อก่อนเราเพียงรู้ว่าท่านทำอะไรมากมาย แต่เมื่อเราสูญเสียท่านไปแล้วยิ่งทำให้รู้มากกว่าเดิม เราเองก็นึกไม่ถึงว่าท่านถึงขนาดนี้เลยหรือ ท่านทรงติดดิน ไม่ถือพระองค์ ลงพื้นที่ในถิ่นทุรกันดาร เนื้อตัวเปื้อนดินโคลน
ทั้งนี้ก็เพื่อประชาชนของท่าน ขณะที่เมื่อได้มีโอกาสขึ้นกราบพระบรมศพ รู้สึกขนลุกจนบอกไม่ถูก ตื้นตันใจที่เราเป็นเพียงชาวบ้านธรรมดา แต่ได้ใกล้ชิดพระองค์มากขนาดนี้ ทุกวันนี้ได้ยึดพระองค์เป็นแบบอย่างทั้งเรื่องการใช้ชีวิตจากเมื่อก่อนเป็นคนอารมณ์ร้อน แต่พระองค์เคยรับสั่งว่าคนเรามีความแตกต่างกัน เราจึงค่อยๆ ระงับอารมณ์ ปล่อยวางได้มากขึ้น และไม่ถือโกรธ พร้อมได้สอนต่อลูกหลานทั้งเรื่องเศรษฐกิจพอเพียง พออยู่พอใช้ ทำงานอย่างซื่อสัตย์ ทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีที่สุด และตั้งมั่นเป็นคนดี ทำประโยชน์เพื่อสังคม
นางกนกพร กล่าวว่า เดินทางมาสักการะพระบรมศพเป็นครั้งที่ 3 แล้ว ครั้งนี้ถือว่ารอไม่นาน เหมือนช่วง 100 วันแรก เพราะเคยรอนานที่สุดถึง 16 ชั่วโมง แต่การรอนานๆ นั้น ไม่ได้ทำให้รู้สึกท้อถอยแม้แต่อย่างใด ถ้าเทียบกับสิ่งที่ในหลวง ร.9 ท่านได้ทรงทำเพื่อปวงชนชาวไทย ไม่ว่าจะทุรกันดาร ข้ามน้ำ ข้ามภูเขา สักกี่แดดกี่ฝน พระองค์ก็มิเคยทรงย่อท้อ เพราะทุกถิ่นที่ ที่พระองค์เสด็จฯไปนั้นเพื่อราชทานความสุขสบายให้แก่พสกนิกรของพระองค์แทบทั้งสิ้น
นางประไพ ชูชัยมังคลา อายุ 66 ปี ที่เดินทางจากบ้านย่านลาดพร้าว มาสักการะพระบรมศพทุกๆ วัน หลังจากพระราชพิธีครบ 100 วันมาแล้ว เผยว่า ตั้งแต่ในหลวง ร.9 เสด็จสวรรคตครบ 100 วัน ก็พยายามมาให้ได้ทุกวันตั้งแต่จันทร์ถึงศุกร์ จะหยุดเสาร์อาทิตย์ เพราะคิดว่าคนเยอะ อยากให้โอกาสคนอื่นบ้าง หรืออย่างเทศกาลสงกรานต์ก็ให้โอกาสผู้อื่นได้มาบ้าง ไม่กินที่คนอื่น เพราะเราอยู่ใกล้แค่นี้ หากวันไหนไม่ได้มาจะรู้สึกจิตใจไม่ดี จากวันนี้คงมีเวลาอีกไม่มากที่จะได้มาส่งเสด็จฯ เป็นครั้งสุดท้าย วันถวายพระเพลิงอาจจะเข้าไม่ถึงเช่นทุกคนแล้ว ตอนนี้มีโอกาสก็มาดีกว่าจะได้ไม่รู้สึกเสียใจ
นางนวกมล ปัญโญแสง อายุ 51 ปี อาชีพปลูกต้นไม้ขาย ชาว ต.แม่กรณ์ อ.เมือง จ.เชียงราย กล่าวว่า ตนได้มีโอกาสเดินทางมากราบถวายบังคมพระบรมศพในหลวงรัชกาลที่ 9 เป็นครั้งที่สอง โดยวันนี้เดินทางมาพร้อมกับน้องสาว และหลานสาวฝาแฝด ปลื้มใจมากที่ได้มีโอกาสเดินทางมากราบพระองค์อีกครั้งในวันนี้ เพราะรักพระองค์มาก รักที่สุด และถ้ามีโอกาสจะเดินทางมาอีกอย่างแน่นอน มากราบทีไรก็น้ำตาไหลทุกครั้ง เพราะตื้นตันใจที่พระองค์ทรงคิดค้นโครงการในพระราชดำริต่าง ๆเพื่อช่วยเหลือราษฎร ขณะขึ้นกราบก็อธิษฐานขอให้เกิดเป็นพสกนิกรใต้ร่มพระบรมโพธิสมภารของพระองค์ตลอดไป
ด้านนางนงคราญ ปัญโญแสง อายุ 49 ปี อาชีพทำสวนยาง ทำการเกษตร และขายอาหารตามสั่ง ชาว ต.ระงู อ.ระงู จ.สตูล กล่าวว่า หลักจากที่ตนและลูกสาวฝาแฝด เดินทางไปเผาศพคุณแม่ที่ จ.เชียงราย เสร็จแล้วอยากมากราบพระบรมศพในหลวงรัชกาลที่ 9 ด้วย จึงเดินทางมาพร้อมกับพี่สาว เพื่อมากราบพระองค์ก่อนเดินทางกลับ จ.สตูล เพราะตนคงไม่มีโอกาสได้เดินทางมาบ่อย เพราะติดภาระดูแลครอบครัว ซึ่งปกติก็กราบพระบรมฉายาลักษณ์พระองค์ที่ห้องพระที่บ้านเป็นประจำทุกวัน พระองค์ท่านเป็นที่ยึดเหนี่ยวจิตใจ และทรงเป็นแบบอย่างในการดำเนินชีวิต ซึ่งตนได้เดินตามรอยในเรื่องเศรษฐกิจพอเพียง จากที่ดินรกร้างว่างเปล่าก็เข้าไปทำมาหากิน ทั้งปลูกผัก เลี้ยงสัตว์ ไว้กินไว้ขายและแจกคนรอบข้าง
นางสุดใจ ตามบุญ อายุ 66 ปี แม่ค้าขายโจ๊ก ชาว อ.ไทรน้อย จ.นนทบุรี เดินทางมาพร้อมลูกสาว น.ส.อรนุช ตามบุญ ตั้งแต่เวลา 05.00 น. กล่าวว่า เป็นครั้งแรกที่ได้มีโอกาสมากราบพระบรมศพ ทั้งๆ ที่อยากมาตั้งแต่ทราบข่าวเดือน ต.ค.ปีที่แล้ว แต่อยากให้ประชาชนต่างจังหวัดที่อยู่ไกลได้มากราบก่อน เราเองอยู่ใกล้มาเมื่อไรก็ได้ แต่พอทราบข่าวจากที่ส่งต่อกันว่าจะมีพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพตอนปลายปี วันนี้จึงรีบชวนกันมากราบ ประกอบกับอยู่ในช่วงปิดร้านสงกรานต์ ซึ่งก่อนหน้านี้ทุกคืนจะกราบพระบรมฉายาลักษณ์และนึกถึงพระองค์ท่านเสมอ ที่ทรงมีพระมหากรุณาธิคุณต่อประชาชนชาวไทย เมื่อก่อนเราเพียงรู้ว่าท่านทำอะไรมากมาย แต่เมื่อเราสูญเสียท่านไปแล้วยิ่งทำให้รู้มากกว่าเดิม เราเองก็นึกไม่ถึงว่าท่านถึงขนาดนี้เลยหรือ ท่านทรงติดดิน ไม่ถือพระองค์ ลงพื้นที่ในถิ่นทุรกันดาร เนื้อตัวเปื้อนดินโคลน
ทั้งนี้ก็เพื่อประชาชนของท่าน ขณะที่เมื่อได้มีโอกาสขึ้นกราบพระบรมศพ รู้สึกขนลุกจนบอกไม่ถูก ตื้นตันใจที่เราเป็นเพียงชาวบ้านธรรมดา แต่ได้ใกล้ชิดพระองค์มากขนาดนี้ ทุกวันนี้ได้ยึดพระองค์เป็นแบบอย่างทั้งเรื่องการใช้ชีวิตจากเมื่อก่อนเป็นคนอารมณ์ร้อน แต่พระองค์เคยรับสั่งว่าคนเรามีความแตกต่างกัน เราจึงค่อยๆ ระงับอารมณ์ ปล่อยวางได้มากขึ้น และไม่ถือโกรธ พร้อมได้สอนต่อลูกหลานทั้งเรื่องเศรษฐกิจพอเพียง พออยู่พอใช้ ทำงานอย่างซื่อสัตย์ ทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีที่สุด และตั้งมั่นเป็นคนดี ทำประโยชน์เพื่อสังคม