วันนี้ (18 เม.ย.) ตัวแทนสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจการบินไทย เดินทางมายื่นหนังสือที่ศูนย์บริการประชาชน ทำเนียบรัฐบาล เพื่อขอให้รัฐบาลตรวจสอบการดำเนินงานของบริษัทการบินไทย จำกัด (มหาชน) พร้อมทั้งขอให้ตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีคณะกรรมการบริษัท อนุมัติจำหน่ายเครื่องบินรุ่น แอร์บัส 330-300 จำนวน 6 ลำ แอร์บัส 340-600 จำนวน 2 ลำ และโบอิ้ง 747-700 ที่ดัดแปลงเป็นเครื่องบินรับส่งสินค้า ทั้งหมดเป็นเครื่องบินที่มีอายุการใช้งานเหลือ 6-8 ปี แต่บริษัทกลับนำกลับมาจอดทิ้งไว้ ส่งผลให้บริษัทได้รับความเสียหาย ปรากฏเป็นผลขาดทุนจากการด้อยค่าเครื่องบินในงบการเงินระหว่าง 2551-2559 รวม 30,134 ล้านบาท หรือเฉลี่ยขาดทุนปีละ 6,600 ล้านบาท
นอกจากนั้น สหภาพแรงงานฯ การบินไทย เห็นว่า บริษัทยังมีความล้มเหลวของแผนปฏิรูป ที่ผลประกอบการปี 2559 มีกำไรเพียง 47 ล้านบาท เป็นกำไรที่เกิดขึ้นจากการได้รับคืนภาษี ไม่ได้เกิดผลสำเร็จจากการดำเนินการปฏิรูป และเมื่อศึกษาในรายละเอียดพบว่า ผลประกอบการที่แท้จริงขาดทุน 566.15 ล้านบาท ส่วนกรณีจัดตั้งไทยกรุ๊ป โดยนำเอา บมจ.การบินไทย บจ.ไทยสมายล์ แอร์เวย์ และ บมจ.สายการบินนกแอร์ มาบริหารจัดการร่วมกัน โดยสายการบินนกแอร์ไม่ได้ก่อให้เกิดประโยชน์ทางธุรกิจ และทำให้ธุรกิจมีผลขาดทุนสะสมเพิ่มขึ้น
นอกจากนั้น สหภาพแรงงานฯ การบินไทย เห็นว่า บริษัทยังมีความล้มเหลวของแผนปฏิรูป ที่ผลประกอบการปี 2559 มีกำไรเพียง 47 ล้านบาท เป็นกำไรที่เกิดขึ้นจากการได้รับคืนภาษี ไม่ได้เกิดผลสำเร็จจากการดำเนินการปฏิรูป และเมื่อศึกษาในรายละเอียดพบว่า ผลประกอบการที่แท้จริงขาดทุน 566.15 ล้านบาท ส่วนกรณีจัดตั้งไทยกรุ๊ป โดยนำเอา บมจ.การบินไทย บจ.ไทยสมายล์ แอร์เวย์ และ บมจ.สายการบินนกแอร์ มาบริหารจัดการร่วมกัน โดยสายการบินนกแอร์ไม่ได้ก่อให้เกิดประโยชน์ทางธุรกิจ และทำให้ธุรกิจมีผลขาดทุนสะสมเพิ่มขึ้น