พันเอกหญิง ศิริจันทร์ งาทอง รองโฆษกคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวว่า ภาพรวมการสัญจรในขณะนี้พบว่ายังมีความคับคั่ง เนื่องจากประชาชนเดินทางกลับจากเทศกาลและท่องเที่ยว
สำหรับสถิติการตรวจพบผู้กระทำผิดในลักษณะที่สุ่มเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุโดยประมาทด้วยการดื่มแล้วขับขี่ในวันที่ 16 เมษายน มีดังนี้ ในส่วนรถจักรยานยนต์ พบการกระทำความผิด 89,009 ครั้ง เจ้าหน้าที่จำเป็นต้องยึดรถไว้ 1,013 คัน และส่งผู้กระทำผิดดำเนินคดี 45,929 คน สำหรับรถโดยสารสาธารณะและรถยนต์ส่วนบุคคล พบการกระทำความผิด 57,719 ครั้ง เจ้าหน้าที่ได้ยึดใบอนุญาตขับขี่ไว้ 581 ใบ ยึดรถยนต์ 319 คัน ส่งผู้กระทำความผิดดำเนินคดี 29,304 คน
ทั้งนี้ ตลอด 5 วันที่ผ่านมา (12-16 เม.ย.) เจ้าหน้าที่ตรวจพบการกระทำความผิด รถจักรยานยนต์ 325,013 ครั้ง รถโดยสารสาธารณะ และรถยนต์ 274,309 ครั้ง เจ้าหน้าที่จำเป็นต้องยึดรถที่ฝ่าฝืนมาตรการดื่มไม่ขับไว้แล้ว 6,544 คัน แยกเป็นจักรยานยนต์ 4,942 คัน และรถยนต์ 1,562 คัน ขณะที่ดำเนินคดีกับผู้กระทำผิด รถจักรยานยนต์ 210,513 คน รถโดยสารสาธารณะและรถยนต์ส่วนบุคล 166,145 คน
อย่างไรก็ตาม การสร้างความปลอดภัยในการสัญจรและป้องกันอุบัติเหตุตามมาตรการที่ภาครัฐได้นำมาใช้นั้น แม้ว่าในช่วงต้นของการประกาศมาตรการเพิ่มประสิทธิภาพความปลอดภัยการจราจร ประชาชนจะมีความกังวลในการปฏิบัติตาม แต่พบว่าช่วง 5 วันที่ผ่านมา ประชาชนได้เพิ่มความระมัดระวังในการขับขี่ และให้ความร่วมมือตามคำแนะนำของเจ้าหน้าที่เป็นอย่างดีในการคาดเข็มขัดนิรภัย สวมหมวกกันน็อก ไม่บรรทุกเกิน
ส่วนมาตรการ "ดื่มไม่ขับ จับยึดรถ"นั้น ด้วยจำนวนผู้ใช้เส้นทางและปริมาณรถที่เพิ่มขึ้น ทำให้สถิติการยึดรถสูงกว่าเทศกาลสงกรานต์ปี 2559 รวมทั้งอาจประเมินเบื้องต้นได้ว่า ยังมีผู้ขับขี่รถจำนวนหนึ่งที่เชื่อมั่นในตนเองเกินไป โดยไม่ตระหนักและคำนึงถึงความเสียหายของการดื่มสุราแล้วขับขี่รถ
สำหรับสถิติการตรวจพบผู้กระทำผิดในลักษณะที่สุ่มเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุโดยประมาทด้วยการดื่มแล้วขับขี่ในวันที่ 16 เมษายน มีดังนี้ ในส่วนรถจักรยานยนต์ พบการกระทำความผิด 89,009 ครั้ง เจ้าหน้าที่จำเป็นต้องยึดรถไว้ 1,013 คัน และส่งผู้กระทำผิดดำเนินคดี 45,929 คน สำหรับรถโดยสารสาธารณะและรถยนต์ส่วนบุคคล พบการกระทำความผิด 57,719 ครั้ง เจ้าหน้าที่ได้ยึดใบอนุญาตขับขี่ไว้ 581 ใบ ยึดรถยนต์ 319 คัน ส่งผู้กระทำความผิดดำเนินคดี 29,304 คน
ทั้งนี้ ตลอด 5 วันที่ผ่านมา (12-16 เม.ย.) เจ้าหน้าที่ตรวจพบการกระทำความผิด รถจักรยานยนต์ 325,013 ครั้ง รถโดยสารสาธารณะ และรถยนต์ 274,309 ครั้ง เจ้าหน้าที่จำเป็นต้องยึดรถที่ฝ่าฝืนมาตรการดื่มไม่ขับไว้แล้ว 6,544 คัน แยกเป็นจักรยานยนต์ 4,942 คัน และรถยนต์ 1,562 คัน ขณะที่ดำเนินคดีกับผู้กระทำผิด รถจักรยานยนต์ 210,513 คน รถโดยสารสาธารณะและรถยนต์ส่วนบุคล 166,145 คน
อย่างไรก็ตาม การสร้างความปลอดภัยในการสัญจรและป้องกันอุบัติเหตุตามมาตรการที่ภาครัฐได้นำมาใช้นั้น แม้ว่าในช่วงต้นของการประกาศมาตรการเพิ่มประสิทธิภาพความปลอดภัยการจราจร ประชาชนจะมีความกังวลในการปฏิบัติตาม แต่พบว่าช่วง 5 วันที่ผ่านมา ประชาชนได้เพิ่มความระมัดระวังในการขับขี่ และให้ความร่วมมือตามคำแนะนำของเจ้าหน้าที่เป็นอย่างดีในการคาดเข็มขัดนิรภัย สวมหมวกกันน็อก ไม่บรรทุกเกิน
ส่วนมาตรการ "ดื่มไม่ขับ จับยึดรถ"นั้น ด้วยจำนวนผู้ใช้เส้นทางและปริมาณรถที่เพิ่มขึ้น ทำให้สถิติการยึดรถสูงกว่าเทศกาลสงกรานต์ปี 2559 รวมทั้งอาจประเมินเบื้องต้นได้ว่า ยังมีผู้ขับขี่รถจำนวนหนึ่งที่เชื่อมั่นในตนเองเกินไป โดยไม่ตระหนักและคำนึงถึงความเสียหายของการดื่มสุราแล้วขับขี่รถ