พลตำรวจตรี สมชาย เกาสำราญ ผู้บังคับการตำรวจทางหลวง เปิดเผยว่า จากการนำมาตรการกวดขันบังคับใช้กฎหมายมาใช้ตั้งแต่วันที่ 1 มีนาคม ที่ผ่านมา สามารถจับกุมผู้กระทำความผิดที่ฝ่าฝืนและก่อให้เกิดอุบัติเหตุประมาณ 2 แสนราย และในช่วงควบคุมการเกิดอุบัติเหตุ 7 วันอันตรายช่วงสงกรานต์ พบผู้กระทำความผิดมากกว่า 60,000 ราย โดยส่วนใหญ่เป็นการขับรถเร็ว
ทั้งนี้ พบว่าจำนวนการเกิดอุบติเหตุบนถนนทางหลวงปีนี้ลดลง 20 ราย และจำนวนผู้บาดเจ็บลดลงถึง 48 ราย อย่างไรก็ตาม สาเหตุหลักของการเกิดอุบัติเหตุ ได้แก่ การขับรถเร็วเกิดกำหนด รองลงมา คือ ขับรถย้อนศร ไม่สวมหมวกกันน็อก และไม่คาดเข็มขัดนิรภัย โดยพบว่ารถจักรยานยนต์มีสถิติการเกิดอุบัติเหตุมากสุดในช่วงเทศกาลที่ผ่านมา ส่วนปัญหาการหลับในเป็นสาเหตุอันดับ 3 ของการเกิดอุบัติเหตุ
สำหรับการอำนวยความสะดวกให้กับประชาชนที่จะเดินทางกลับจากภูมิลำเนาและการท่องเที่ยวช่วงเทศกาลสงกรานต์ ตำรวจทางหลวงได้ปรับเส้นทางการจราจรในจุดต่าง ๆ จำนวน 43 จุด โดยได้บูรณาการทำงานร่วมกับกรมทางหลวงชนบท ทำการสำรวจและปรับปรุงเส้นทางที่อาจกระทบต่อการจราจรทั้งขาไป-ขากลับ อาทิ การแนะนำเส้นทางโดยให้หลีกเลี่ยงเส้นทางที่มีการจราจรหนาแน่น รวมถึงการเปิดช่องทางพิเศษตามจุดต่าง ๆ
ทั้งนี้ หากประชาชนต้องการความช่วยเหลือจากเจ้าหน้าที่ตำรวจทางหลวง สามารถโทรได้ที่สายด่วน 1193 หรือสายด่วนกรมทางหลวง 1586 หรือผ่านแอปพลิเคชันไลน์ @highway1193 โดยแชร์โลเกชันพร้อมเบอร์โทรศัพท์มาให้ ตำรวจจะไปตามจุดนั้นทันที
ทั้งนี้ พบว่าจำนวนการเกิดอุบติเหตุบนถนนทางหลวงปีนี้ลดลง 20 ราย และจำนวนผู้บาดเจ็บลดลงถึง 48 ราย อย่างไรก็ตาม สาเหตุหลักของการเกิดอุบัติเหตุ ได้แก่ การขับรถเร็วเกิดกำหนด รองลงมา คือ ขับรถย้อนศร ไม่สวมหมวกกันน็อก และไม่คาดเข็มขัดนิรภัย โดยพบว่ารถจักรยานยนต์มีสถิติการเกิดอุบัติเหตุมากสุดในช่วงเทศกาลที่ผ่านมา ส่วนปัญหาการหลับในเป็นสาเหตุอันดับ 3 ของการเกิดอุบัติเหตุ
สำหรับการอำนวยความสะดวกให้กับประชาชนที่จะเดินทางกลับจากภูมิลำเนาและการท่องเที่ยวช่วงเทศกาลสงกรานต์ ตำรวจทางหลวงได้ปรับเส้นทางการจราจรในจุดต่าง ๆ จำนวน 43 จุด โดยได้บูรณาการทำงานร่วมกับกรมทางหลวงชนบท ทำการสำรวจและปรับปรุงเส้นทางที่อาจกระทบต่อการจราจรทั้งขาไป-ขากลับ อาทิ การแนะนำเส้นทางโดยให้หลีกเลี่ยงเส้นทางที่มีการจราจรหนาแน่น รวมถึงการเปิดช่องทางพิเศษตามจุดต่าง ๆ
ทั้งนี้ หากประชาชนต้องการความช่วยเหลือจากเจ้าหน้าที่ตำรวจทางหลวง สามารถโทรได้ที่สายด่วน 1193 หรือสายด่วนกรมทางหลวง 1586 หรือผ่านแอปพลิเคชันไลน์ @highway1193 โดยแชร์โลเกชันพร้อมเบอร์โทรศัพท์มาให้ ตำรวจจะไปตามจุดนั้นทันที