นางอภิรดี ตันตราภรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี มีกำหนดเยือนกรุงมานามา ราชอาณาจักรบาห์เรน ตามคำเชิญของเจ้าชายคอลิฟะห์ บินซัลมาน อัลคอลิฟะห์ นายกรัฐมนตรีแห่งราชอาณาจักรบาห์เรน ระหว่างวันที่ 24-26 เมษายน 2560 เพื่อหารือโอกาสสานต่อการกระชับความสัมพันธ์ระหว่างกันด้านต่าง ๆ
โอกาสเดียวกันนี้ ตนจะเข้าร่วมคณะเดินทางดังกล่าวด้วย เพื่อร่วมหารือแนวทางการสานต่อการส่งเสริมความร่วมมือทางเศรษฐกิจ ขยายมูลค่าการค้าและการลงทุนระหว่างไทยและบาห์เรน และแก้ไขปัญหาอุปสรรคระหว่างกัน ซึ่งไทยจะพยายามเสนอโอกาสการส่งเสริมนโยบายชาติระหว่างกัน โดยไทยสามารถสนับสนุนนโยบาย food security ให้บาห์เรน ขณะเดียวกันบาห์เรนสามารถสนับสนุนนโยบาย energy security ให้ไทย
ทั้งนี้ ในโอกาสที่ทั้ง 2 ฝ่ายสามารถใช้ประโยชน์จากความได้เปรียบเชิงสภาพที่ตั้งทางภูมิศาสตร์ในฐานะประตูการค้าซึ่งกันและกัน โดยที่ตั้งของบาห์เรนเป็นจุดผ่านสินค้าเข้าสู่ตลาดอื่นที่สำคัญ เช่น กลุ่มประเทศรัฐอ่าวอาหรับ (GCC) โดยเฉพาะซาอุดีอาระเบีย เพราะมีชายแดนติดกัน นอกจากนี้ ยังสามารถส่งออกไปตลาดนอกภูมิภาค ได้แก่ แอฟริกาตอนเหนือ เอเชียใต้ และเอเชียกลาง ขณะที่ไทยตั้งอยู่ในเขตเศรษฐกิจที่มีความเชื่อมโยงไปยัง CLMV ASEAN และ RCEP นอกจากนี้ ไทยจะพยายามเสนอขอให้บาห์เรนพิจารณานำเข้าสินค้าเกษตรและอาหารจากไทยโดยเฉพาะอาหารฮาลาลเพิ่มขึ้น รวมทั้งส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพให้แก่นักท่องเที่ยวชาวบาห์เรน ซึ่งจะช่วยกระชับความสัมพันธ์การค้าและการลงทุนให้แน่นแฟ้นมากขึ้น และทั้ง 2 ฝ่ายจะหารือรายละเอียดต่อไปภายใต้คณะกรรมการอำนวยการร่วม (Joint Steering Committee: JSC) ตามบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือด้านความมั่นคงด้านอาหาร การค้าและการลงทุนในผลิตภัณฑ์และโภคภัณฑ์การเกษตร โดยเฉพาะอาหารฮาลาลระหว่างไทยกับบาห์เรน
โอกาสเดียวกันนี้ ตนจะเข้าร่วมคณะเดินทางดังกล่าวด้วย เพื่อร่วมหารือแนวทางการสานต่อการส่งเสริมความร่วมมือทางเศรษฐกิจ ขยายมูลค่าการค้าและการลงทุนระหว่างไทยและบาห์เรน และแก้ไขปัญหาอุปสรรคระหว่างกัน ซึ่งไทยจะพยายามเสนอโอกาสการส่งเสริมนโยบายชาติระหว่างกัน โดยไทยสามารถสนับสนุนนโยบาย food security ให้บาห์เรน ขณะเดียวกันบาห์เรนสามารถสนับสนุนนโยบาย energy security ให้ไทย
ทั้งนี้ ในโอกาสที่ทั้ง 2 ฝ่ายสามารถใช้ประโยชน์จากความได้เปรียบเชิงสภาพที่ตั้งทางภูมิศาสตร์ในฐานะประตูการค้าซึ่งกันและกัน โดยที่ตั้งของบาห์เรนเป็นจุดผ่านสินค้าเข้าสู่ตลาดอื่นที่สำคัญ เช่น กลุ่มประเทศรัฐอ่าวอาหรับ (GCC) โดยเฉพาะซาอุดีอาระเบีย เพราะมีชายแดนติดกัน นอกจากนี้ ยังสามารถส่งออกไปตลาดนอกภูมิภาค ได้แก่ แอฟริกาตอนเหนือ เอเชียใต้ และเอเชียกลาง ขณะที่ไทยตั้งอยู่ในเขตเศรษฐกิจที่มีความเชื่อมโยงไปยัง CLMV ASEAN และ RCEP นอกจากนี้ ไทยจะพยายามเสนอขอให้บาห์เรนพิจารณานำเข้าสินค้าเกษตรและอาหารจากไทยโดยเฉพาะอาหารฮาลาลเพิ่มขึ้น รวมทั้งส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพให้แก่นักท่องเที่ยวชาวบาห์เรน ซึ่งจะช่วยกระชับความสัมพันธ์การค้าและการลงทุนให้แน่นแฟ้นมากขึ้น และทั้ง 2 ฝ่ายจะหารือรายละเอียดต่อไปภายใต้คณะกรรมการอำนวยการร่วม (Joint Steering Committee: JSC) ตามบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือด้านความมั่นคงด้านอาหาร การค้าและการลงทุนในผลิตภัณฑ์และโภคภัณฑ์การเกษตร โดยเฉพาะอาหารฮาลาลระหว่างไทยกับบาห์เรน