นายธานินทร์ สมบูรณ์ อธิบดีกรมทางหลวง กล่าวว่า การก่อสร้างโครงการทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง หรือ มอเตอร์เวย์ ช่วงพัทยา - มาบตาพุด มีความคืบหน้าการก่อสร้างไปแล้วกว่าร้อยละ 30 ในส่วนสัญญาตอนที่ 7, 8 และ 11 ที่ยังไม่สามารถดำเนินการได้ เนื่องจากเป็นที่ดินของสำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม (ส.ป.ก.) และเป็นพื้นที่ก่อสร้างรถไฟความเร็วสูง ของ การรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) ซึ่งกรมทางหลวงได้หารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องแล้ว คาดว่าจะเริ่มเข้าดำเนินการในพื้นที่ดังกล่าวได้ภายในเดือนเมษายนนี้ และจะเปิดให้บริการได้ภายในปี 2562
ส่วนความคืบหน้าโครงการก่อสร้างมอเตอร์เวย์ ช่วงบางปะอิน-โคราช ได้ลงนามสัญญาก่อสร้างไปแล้ว 37 ตอน โดยเหลืออีก 3 ตอน คือ ตอนที่ 2 , 21 และ 22 ที่ยังไม่ได้ลงนามสัญญาอยู่ระหว่างการสำรวจความคิดเห็นของประชาชนเพิ่มเติม จะสามารถทยอยนำเสนอโครงการเข้าสู่ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีได้ภายใน 2 - 3 สัปดาห์ ก่อนเริ่มลงนามสัญญาและก่อสร้างต่อไป
ขณะที่โครงการก่อสร้างมอเตอร์เวย์ ช่วงบางใหญ่-กาญจนบุรี มีสัญญาที่เหลืออีก 4 ตอน คือ ตอนที่ 1 , 3 ,11 และ 18 ยังไม่สามารถดำเนินการได้ เพราะงบประมาณไม่เพียงพอ จึงเตรียมขออนุมัติคณะรัฐมนตรีให้โอนย้ายงบประมาณ จากโครงการขยายช่องจราจร บริเวณอุทยานแห่งชาติน้ำหนาว วงเงิน 1,080 ล้านบาท มาใช้ในโครงการนี้แทน ส่วนการจัดสรรกรรมสิทธิ์ที่ดินที่ต้องใช้วงเงินเพิ่ม 10,000 กว่าล้านบาท กรมทางหลวง ทำหนังสือไปยังสำนักงบประมาณ เพื่อให้นายกรัฐมนตรีพิจารณาตรวจสอบ ก่อนส่งเรื่องทั้งหมดกลับมายังสำนักงบประมาณและกระทรวงคมนาคม ก่อนนำเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรีเห็นชอบในหลักการโอนย้ายงบประมาณต่อไป
ส่วนความคืบหน้าโครงการก่อสร้างมอเตอร์เวย์ ช่วงบางปะอิน-โคราช ได้ลงนามสัญญาก่อสร้างไปแล้ว 37 ตอน โดยเหลืออีก 3 ตอน คือ ตอนที่ 2 , 21 และ 22 ที่ยังไม่ได้ลงนามสัญญาอยู่ระหว่างการสำรวจความคิดเห็นของประชาชนเพิ่มเติม จะสามารถทยอยนำเสนอโครงการเข้าสู่ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีได้ภายใน 2 - 3 สัปดาห์ ก่อนเริ่มลงนามสัญญาและก่อสร้างต่อไป
ขณะที่โครงการก่อสร้างมอเตอร์เวย์ ช่วงบางใหญ่-กาญจนบุรี มีสัญญาที่เหลืออีก 4 ตอน คือ ตอนที่ 1 , 3 ,11 และ 18 ยังไม่สามารถดำเนินการได้ เพราะงบประมาณไม่เพียงพอ จึงเตรียมขออนุมัติคณะรัฐมนตรีให้โอนย้ายงบประมาณ จากโครงการขยายช่องจราจร บริเวณอุทยานแห่งชาติน้ำหนาว วงเงิน 1,080 ล้านบาท มาใช้ในโครงการนี้แทน ส่วนการจัดสรรกรรมสิทธิ์ที่ดินที่ต้องใช้วงเงินเพิ่ม 10,000 กว่าล้านบาท กรมทางหลวง ทำหนังสือไปยังสำนักงบประมาณ เพื่อให้นายกรัฐมนตรีพิจารณาตรวจสอบ ก่อนส่งเรื่องทั้งหมดกลับมายังสำนักงบประมาณและกระทรวงคมนาคม ก่อนนำเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรีเห็นชอบในหลักการโอนย้ายงบประมาณต่อไป