พล.ต.อ.วัชรพล ประสารราชกิจ ประธานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) กล่าวภายหลังการประชุมคณะกรรมการประสานและเร่งรัดการดำเนินคดีทุจริตระหว่างประเทศ ที่ประกอบด้วย สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) สำนักงานอัยการสูงสุด (อสส.) สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) กระทรวงยุติธรรม และกระทรวงต่างประเทศ ว่า ที่ประชุมได้หารือถึงเรื่องการดำเนินคดีทุจริตระหว่างประเทศ โดยเฉพาะกรณีการให้สินบนข้ามชาติที่มีมูลค่าความเสียหายจำนวนมาก เช่น กรณีของนางจุฑามาศ ศิริวรรณ อดีตผู้ว่าการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ที่ทุจริตต่อหน้าที่และร่ำรวยผิดปกติ และได้สรุปแนวทางการดำเนินการติดตามทรัพย์สินคืน โดยเห็นควรให้มีการยึดทรัพย์ ทั้งในทางอาญา และตามคำพิพากษาของศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง และทั้งทางแพ่งตามที่กรรมการ ป.ป.ช.มีมติชี้มูลความผิดกรณีร่ำรวยผิดปกติ ขณะนี้ ป.ป.ช.กำลังประสานงานกับ อสส. เพื่อแปลคำพิพากษาสองร้อยกว่าหน้าและส่งคำสั่งที่เกี่ยวข้องกับการอายัดและริบทรัพย์นางจุฑามาศและบุตรสาว ที่ซุกซ่อนอยู่ในประเทศและต่างประเทศจำนวน 5 ประเทศตามเส้นทางการเงิน เพื่อติดตามนำทรัพย์กลับคืนโดยเร็วที่สุด เพราะคดีดังกล่าวถือเป็นคดีสินบนข้ามชาติที่ใหญ่ที่สุดคดีแรกของศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง
พล.ต.อ.วัชรพล กล่าวอีกว่า ธนาคารแห่งประเทศไทย และ อสส. แนะนำแนวทางว่าจะต้องดำเนินการตามอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการต่อต้านการทุจริต ค.ศ.2003 ซึ่ง ป.ป.ช. อัยการสหรัฐฯ ประจำประเทศไทย และอสส. จะได้นัดหารือกันอีกครั้งภายในเร็วๆนี้ นอกจากนี้ ที่ประชุมยังมีมติมอบหมายศูนย์ประสานงานคดีระหว่างประเทศ สำนักการต่างประเทศ ของ ป.ป.ช. ให้ดำเนินการประสานงานเรื่องความร่วมมือในการริบทรัพย์สินและส่งคืนให้กับประเทศผู้เสียหาย เพื่อที่จะให้คดีนี้เป็นคดีตัวอย่างของสังคมไทยในระดับประเทศและระดับโลก เป็นการชี้ให้เห็นว่าประเทศไทยเอาจริงกับเรื่องการขจัดปัญหาการทุจริต ไม่ให้ผู้กระทำหนีรอดจากการลงโทษไปได้ มีการนำทรัพย์คืนสู่แผ่นดิน โดยให้ศูนย์ประสานงานคดีระหว่างประเทศทำงานร่วมกับหน่วยงานของไทยและหน่วยงานในต่างประเทศ ให้มีผลโดยเร็วที่สุด
พล.ต.อ.วัชรพล กล่าวอีกว่า ธนาคารแห่งประเทศไทย และ อสส. แนะนำแนวทางว่าจะต้องดำเนินการตามอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการต่อต้านการทุจริต ค.ศ.2003 ซึ่ง ป.ป.ช. อัยการสหรัฐฯ ประจำประเทศไทย และอสส. จะได้นัดหารือกันอีกครั้งภายในเร็วๆนี้ นอกจากนี้ ที่ประชุมยังมีมติมอบหมายศูนย์ประสานงานคดีระหว่างประเทศ สำนักการต่างประเทศ ของ ป.ป.ช. ให้ดำเนินการประสานงานเรื่องความร่วมมือในการริบทรัพย์สินและส่งคืนให้กับประเทศผู้เสียหาย เพื่อที่จะให้คดีนี้เป็นคดีตัวอย่างของสังคมไทยในระดับประเทศและระดับโลก เป็นการชี้ให้เห็นว่าประเทศไทยเอาจริงกับเรื่องการขจัดปัญหาการทุจริต ไม่ให้ผู้กระทำหนีรอดจากการลงโทษไปได้ มีการนำทรัพย์คืนสู่แผ่นดิน โดยให้ศูนย์ประสานงานคดีระหว่างประเทศทำงานร่วมกับหน่วยงานของไทยและหน่วยงานในต่างประเทศ ให้มีผลโดยเร็วที่สุด