วันนี้ (4 เม.ย.) นายกฤษณ์ วงษ์เวช ผู้บัญชาการเรือนจำกลางสมุทรปราการ พ.ต.อ.สมชัย อินตาพวง รอง ผบก.ภ.สมุทรปราการ พร้อมกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจตำรวจ เจ้าหน้าที่เรือนจำ ฝ่ายปกครองรวม 400 นาย สนธิกำลังตรวจค้นเรือนจำกลางสมุทรปราการ หรือ เรือนจำคลองด่าน พร้อมทั้งสุ่มตรวจปัสสาวะ หาสารเสพติดในกลุ่มนักโทษ ตามแผนปฏิบัติการฟ้าสางที่คลองด่าน โดยใช้เวลาการตรวจค้น 1 ชั่วโมง
นายกฤษณ์ กล่าวว่า เรือนจำคลองด่านมีผู้ต้องขัง 5,970 คน การสนธิกำลังบุกจู่โจมเข้าตรวจค้นในครั้งนี้ เป็นไปตามนโยบายของกรมราชทัณฑ์ ที่ต้องการให้เรือนจำปราศจากสิ่งผิดกฎหมาย เน้นตรวจค้นหาสิ่งของต้องห้าม เช่น โทรศัพท์มือถือ ยาเสพติดในเรือนนอน และล็อกเกอร์เก็บของใช้ส่วนตัวของผู้ต้องขัง รวมถึงสุ่มตรวจปัสสาวะ ผู้ต้องขังทั้งชายและหญิงรวม 400 คน ส่วนใหญ่ต้องโทษในคดียาเสพติด และผู้ต้องขังในแดนอุกฉกรรจ์ เพื่อตรวจหาสารเสพติด ซึ่งผลการตรวจค้นในวันนี้ ไม่พบสิ่งของต้องห้ามหรือยาเสพติด และไม่พบสารเสพติดในกลุ่มผู้ต้องขังแต่อย่างใด ปกติทางเรือนจำได้มีการตรวจค้นภายในเป็นประจำทุกสัปดาห์ เพื่อป้องกันการกระทำผิดซ้ำ รวมถึงมีมาตรการเข้มงวดโดยเฉพาะผู้คุมและเจ้าหน้าที่ หากเข้าปฏิบัติหน้าที่ในแดนขัง ต้องไม่พกพาเครื่องมือสื่อสารเข้าไปด้านใน การตรวจค้นในครั้งนี้ได้ร่วมกับหน่วยงานภายนอก เป็นการตรวจค้นอย่างละเอียด
นายกฤษณ์ กล่าวว่า เรือนจำคลองด่านมีผู้ต้องขัง 5,970 คน การสนธิกำลังบุกจู่โจมเข้าตรวจค้นในครั้งนี้ เป็นไปตามนโยบายของกรมราชทัณฑ์ ที่ต้องการให้เรือนจำปราศจากสิ่งผิดกฎหมาย เน้นตรวจค้นหาสิ่งของต้องห้าม เช่น โทรศัพท์มือถือ ยาเสพติดในเรือนนอน และล็อกเกอร์เก็บของใช้ส่วนตัวของผู้ต้องขัง รวมถึงสุ่มตรวจปัสสาวะ ผู้ต้องขังทั้งชายและหญิงรวม 400 คน ส่วนใหญ่ต้องโทษในคดียาเสพติด และผู้ต้องขังในแดนอุกฉกรรจ์ เพื่อตรวจหาสารเสพติด ซึ่งผลการตรวจค้นในวันนี้ ไม่พบสิ่งของต้องห้ามหรือยาเสพติด และไม่พบสารเสพติดในกลุ่มผู้ต้องขังแต่อย่างใด ปกติทางเรือนจำได้มีการตรวจค้นภายในเป็นประจำทุกสัปดาห์ เพื่อป้องกันการกระทำผิดซ้ำ รวมถึงมีมาตรการเข้มงวดโดยเฉพาะผู้คุมและเจ้าหน้าที่ หากเข้าปฏิบัติหน้าที่ในแดนขัง ต้องไม่พกพาเครื่องมือสื่อสารเข้าไปด้านใน การตรวจค้นในครั้งนี้ได้ร่วมกับหน่วยงานภายนอก เป็นการตรวจค้นอย่างละเอียด