นายฉัตรชัย พรหมเลิศ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย หรือ ปภ. กล่าวว่า ช่วงวันที่ 31 มี.ค. -2 เม.ย. มีพื้นที่ได้รับผลกระทบจากวาตภัยรวม 7 จังหวัด 11 อำเภอ 22 ตำบล 42 หมู่บ้าน บ้านเรือนประชาชนเสียหาย 181 หลัง ผู้บาดเจ็บ 1 ราย ที่ จ.อุบลราชธานี ผู้เสียชีวิต 1 ราย ที่ จ.อุบลราชธานี แยกเป็นภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 2 จังหวัด ได้แก่ อุบลราชธานี และขอนแก่น ภาคเหนือ 2 จังหวัด ได้แก่ เชียงใหม่ และอุตรดิตถ์ ภาคกลาง 3 จังหวัด ได้แก่ เพชรบุรี สระบุรี และสมุทรสาคร ซึ่งปภ.ได้ประสานจังหวัด หน่วยทหาร องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งให้การช่วยเหลือผู้ประสบภัยในเบื้องต้น
นายฉัตรชัย กล่าวว่า จากการติดตามสภาพอากาศกับกรมอุตุนิยมวิทยาพบว่า พายุฤดูร้อนบริเวณประเทศไทยตอนบนมีแนวโน้มลดลง แต่ยังมีฝนฟ้าคะนอง และลมกระโชกแรงบางแห่ง ส่วนภาคใต้จะมีฝนตกหนักหลายพื้นที่ และมีฝนตกหนักมากบางแห่ง ดังนี้ช่วงวันที่ 3 - 4 เม.ย. บริเวณ จ.สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช พัทลุง สงขลา ภูเก็ต กระบี่ ตรัง และสตูล ส่วนในวันที่ 5 เม.ย. มีฝนตกหนักหลายพื้นที่ ส่วนมากบริเวณ จ.ประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช พัทลุง สงขลา ระนอง และพังงา อาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลากในบางพื้นที่ ปภ.จึงได้ประสานจังหวัดในพื้นที่ตอนบนของประเทศเตรียมรับมือฝนฟ้าคะนอง และลมกระโชกแรง ขณะที่จังหวัดในพื้นที่ภาคใต้เตรียมรับมือฝนตกหนักในช่วงวันที่ 3-5 เม.ย.นี้
นายฉัตรชัย กล่าวว่า จากการติดตามสภาพอากาศกับกรมอุตุนิยมวิทยาพบว่า พายุฤดูร้อนบริเวณประเทศไทยตอนบนมีแนวโน้มลดลง แต่ยังมีฝนฟ้าคะนอง และลมกระโชกแรงบางแห่ง ส่วนภาคใต้จะมีฝนตกหนักหลายพื้นที่ และมีฝนตกหนักมากบางแห่ง ดังนี้ช่วงวันที่ 3 - 4 เม.ย. บริเวณ จ.สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช พัทลุง สงขลา ภูเก็ต กระบี่ ตรัง และสตูล ส่วนในวันที่ 5 เม.ย. มีฝนตกหนักหลายพื้นที่ ส่วนมากบริเวณ จ.ประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช พัทลุง สงขลา ระนอง และพังงา อาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลากในบางพื้นที่ ปภ.จึงได้ประสานจังหวัดในพื้นที่ตอนบนของประเทศเตรียมรับมือฝนฟ้าคะนอง และลมกระโชกแรง ขณะที่จังหวัดในพื้นที่ภาคใต้เตรียมรับมือฝนตกหนักในช่วงวันที่ 3-5 เม.ย.นี้