วันนี้ (30 มี.ค.) เซอร์ทิม บาร์โรว เอกอัครราชทูตสหราชอาณาจักรประจำสหภาพยุโรป (อียู) เข้าพบนายโดนัลด์ ทัสก์ ประธานคณะมนตรียุโรป ที่สำนักงานใหญ่ของอียูในกรุงบรัสเซลส์ เมื่อช่วงบ่ายของวันพุธตามเวลาท้องถิ่น เพื่อมอบหนังสือราชการของนายกรัฐมนตรีเทเรซา เมย์ ผู้นำหญิงอังกฤษ แจ้งเรื่องการลาออกจากการเป็นสมาชิกอียู และเริ่มต้นขั้นตอนการเจรจาตามมาตรา 50 ของสนธิสัญญาลิสบอน ซึ่งมีกรอบระยะเวลาการหารือ 2 ปี หมายความว่าสหราชอาณาจักรจะพ้นสถานภาพสมาชิกอย่างเป็นทางการในเดือนมีนาคม 2562
ขณะที่ นายทัสก์ต้องส่งร่างแผนยุทธศาสตร์การเจรจากับสหราชอาณาจักร พร้อมสำเนาใบลาออกของรัฐบาลอังกฤษให้สมาชิกที่เหลืออีก 27 ประเทศได้รับทราบ โดยประธานอียูคนปัจจุบัน ซึ่งเป็นชาวโปแลนด์กล่าวว่า อียูจะแข็งแกร่งขึ้น การเจรจาจะเป็นไปอย่างสร้างสรรค์และมีประสิทธิภาพ ซึ่งอียูจะประชุมใหญ่กันในวันที่ 29 เมษายนนี้ ตั้งใจที่จะปกป้องผลประโยชน์ของชาติสมาชิกที่เหลืออยู่ทั้ง 27 ชาติ
ด้านนายกรัฐมนตรี เมย์ กล่าวต่อสภาสามัญในเวลาเดียวกันว่า คณะผู้แทนของสหราชอาณาจักรจะเจรจากับอียูตามแนวทางแผนยุทธศาสตร์ 12 ข้อ ซึ่งรวมถึงการออกจากตลาดเดียว และการคุ้มครองพลเมืองอียูที่อาศัยอยู่ในสหราชอาณาจักร โดยการเจรจาต้องตั้งอยู่บนพื้นฐานของการนำไปสู่ผลประโยชน์ที่เท่าเทียมกัน พร้อมทั้งย้ำว่านับจากนี้จะไม่มีการเดินถอยหลังอีก
ทั้งนี้ การลาออกจากอียูของสหราชอาณาจักรเป็นไปตามผลการลงประชามติของประชาชน เมื่อวันที่ 23 มิถุนายน ปีที่แล้ว สร้างประวัติศาสตร์เป็นประเทศแรกที่ขอยุติการเป็นสมาชิกของอียู หลังเข้าร่วมเป็นส่วนหนึ่งของสหภาพเมื่อปี 2516
ขณะที่ นายทัสก์ต้องส่งร่างแผนยุทธศาสตร์การเจรจากับสหราชอาณาจักร พร้อมสำเนาใบลาออกของรัฐบาลอังกฤษให้สมาชิกที่เหลืออีก 27 ประเทศได้รับทราบ โดยประธานอียูคนปัจจุบัน ซึ่งเป็นชาวโปแลนด์กล่าวว่า อียูจะแข็งแกร่งขึ้น การเจรจาจะเป็นไปอย่างสร้างสรรค์และมีประสิทธิภาพ ซึ่งอียูจะประชุมใหญ่กันในวันที่ 29 เมษายนนี้ ตั้งใจที่จะปกป้องผลประโยชน์ของชาติสมาชิกที่เหลืออยู่ทั้ง 27 ชาติ
ด้านนายกรัฐมนตรี เมย์ กล่าวต่อสภาสามัญในเวลาเดียวกันว่า คณะผู้แทนของสหราชอาณาจักรจะเจรจากับอียูตามแนวทางแผนยุทธศาสตร์ 12 ข้อ ซึ่งรวมถึงการออกจากตลาดเดียว และการคุ้มครองพลเมืองอียูที่อาศัยอยู่ในสหราชอาณาจักร โดยการเจรจาต้องตั้งอยู่บนพื้นฐานของการนำไปสู่ผลประโยชน์ที่เท่าเทียมกัน พร้อมทั้งย้ำว่านับจากนี้จะไม่มีการเดินถอยหลังอีก
ทั้งนี้ การลาออกจากอียูของสหราชอาณาจักรเป็นไปตามผลการลงประชามติของประชาชน เมื่อวันที่ 23 มิถุนายน ปีที่แล้ว สร้างประวัติศาสตร์เป็นประเทศแรกที่ขอยุติการเป็นสมาชิกของอียู หลังเข้าร่วมเป็นส่วนหนึ่งของสหภาพเมื่อปี 2516