นายพิชิต อัคราทิตย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม กล่าวถึงกรณีที่นายกรัฐมนตรีออกคำสั่งให้นายสุระชัย เอี่ยมวชิรสกุล ผู้อำนวยการองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) ไปปฏิบัติหน้าที่ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เนื่องจากปัญหาการปฏิบัติงานที่ไม่เป็นไปตามเป้าหมาย จากกรณีจัดซื้อรถโดยสารปรับอากาศโดยใช้เชื้อเพลิงก๊าซธรรมชาติ (เอ็นจีวี) พร้อมซ่อมแซมและบำรุงรักษาโดยสาร จำนวน 489 คัน ว่า นายสุระชัย ยังไม่พ้นจากตำแหน่งผู้อำนวยการ ขสมก. ดังนั้นยังไม่ต้องรีบแต่งตั้งคนใหม่ และตอนนี้ยังไม่หาคนใหม่ ส่วนผู้มารักษาการผู้อำนวยการ ขสมก.นั้น คณะกรรมการบริหาร (บอร์ด) ขสมก.ต้องรีบตัดสินใจว่าจะทำอย่างไรเกี่ยวกับปัญหาเรื่องของรถเมล์เอ็นจีวี จะยกเลิกสัญญาหรือไม่
ส่วนสาเหตุที่ต้องให้นายสุระชัย มาประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นเพราะการดำเนินงานของ ขสมก.มีเรื่องการปฏิรูปที่ติดขัดล่าช้าในหลายเรื่อง และการจัดซื้อรถเมล์เอ็นจีวี 489 คัน ล่าช้ามานาน ทั้งที่เป็นโครงการสำคัญอย่างมากในแง่ของการลดค่าใช้จ่ายของ ขสมก. ซึ่งหากมีรถใหม่เข้ามา จะลดค่าน้ำมัน ค่าซ่อมบำรุง ซึ่งรวมกันแล้วกว่า 2,000 ล้านบาท
สำหรับการย้ายครั้งนี้ไม่ใช่เพราะนายสุระชัย มีความผิด แต่เพราะทำงานช้า ดังนั้นถ้าเปลี่ยนตัวแล้ว ก็หวังว่าจะดีขึ้น
รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม กล่าวว่า กระทรวงคมนาคมพยายามเพิ่มประสิทธิภาพการปฏิรูป ขสมก. และคำนึงถึงผลประโยชน์ของประชาชนเป็นหลัก เพราะรอใช้รถเมล์นี้มานาน ตนขอย้ำว่าหลักใหญ่คือประสิทธิภาพการทำงาน ส่วนตัวบุคคลเป็นเรื่องที่ตามมา
ส่วนสาเหตุที่ต้องให้นายสุระชัย มาประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นเพราะการดำเนินงานของ ขสมก.มีเรื่องการปฏิรูปที่ติดขัดล่าช้าในหลายเรื่อง และการจัดซื้อรถเมล์เอ็นจีวี 489 คัน ล่าช้ามานาน ทั้งที่เป็นโครงการสำคัญอย่างมากในแง่ของการลดค่าใช้จ่ายของ ขสมก. ซึ่งหากมีรถใหม่เข้ามา จะลดค่าน้ำมัน ค่าซ่อมบำรุง ซึ่งรวมกันแล้วกว่า 2,000 ล้านบาท
สำหรับการย้ายครั้งนี้ไม่ใช่เพราะนายสุระชัย มีความผิด แต่เพราะทำงานช้า ดังนั้นถ้าเปลี่ยนตัวแล้ว ก็หวังว่าจะดีขึ้น
รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม กล่าวว่า กระทรวงคมนาคมพยายามเพิ่มประสิทธิภาพการปฏิรูป ขสมก. และคำนึงถึงผลประโยชน์ของประชาชนเป็นหลัก เพราะรอใช้รถเมล์นี้มานาน ตนขอย้ำว่าหลักใหญ่คือประสิทธิภาพการทำงาน ส่วนตัวบุคคลเป็นเรื่องที่ตามมา