บรรยากาศการไว้อาลัยและกราบสักการะพระบรมศพ ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ในพระบรมมหาราชวัง ซึ่งดำเนินมาเป็นวันที่ 144 ในวันนี้ (26 มี.ค.) ตลอดทั้งวันยังคงมีประชาชนจากทั่วสารทิศเดินทางมากราบสักการะพระบรมศพอย่างต่อเนื่อง
นางบุญมี ประสิทธิ์ อายุ 45 ปี เดินทางมาพร้อมลูกสาว น.ส.อัญชลี จันทร์โย่ง อายุ 20 ปี จากบ้านพักย่านวรจักร เปิดเผยว่า เดินทางมาถึงท้องสนามหลวงตั้งแต่ 08.00 น. โดยมาเป็นครั้งที่ 2 แล้วที่ตั้งตั้งใจเดินทางมากกราบสักการะพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช เพราะตลอดชีวิตไม่เคยมีโอกาสได้เฝ้าฯ รับเสด็จพระองค์เลย ดังนั้นเมื่อว่างจากการทำงานเมื่อไหร่ก็อยากมากราบสักการะพระบรมศพพระองค์ท่าน พร้อมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณของในหลวง รัชกาลที่ 9 ที่มีต่อปวงชนชาวไทยมาตลอดระยะเวลากว่า 70 ปีทรงครองราชย์ นอกจากนี้ส่วนตัวยังพยายามดำเนินชีวิตด้วยความประหยัดพอเพียงตามรอยเบื้องพระยุคลบาทด้วย
นายพงษ์พันธ์ วิงแก้วหิรัญ อายุ 58 ปี เดินทางจากย่านอ้อมใหญ่มากราบสักการะพระบรมศพเป็นครั้งที่ 4 กับเพื่อนตั้งแต่เวลา 08.00 น. กล่าวว่า เมื่อสมัยอายุประมาณ 5-6 ปี ตนเคยมีโอกาสเฝ้าฯรับเสด็จพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช เมื่อครั้งเสด็จฯทางเรือมายังตลาดน้ำดำเนินสะดวก จ.ราชบุรี จำได้ว่าพ่อแม่พาไปเฝ้าฯรับเสด็จด้วยกัน แต่เนื่องจากยังเด็กมากไม่ค่อยรู้ความว่าท่านมีความสำคัญอย่างไร เมื่อเติบโตมาพอรู้ว่าพระองค์คือพระผู้มีพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดมิได้ของปวงชนชาวไทย จึงได้พยายามติดตามข่าวสารพระราชกรณียกิจและเรื่องราวต่าง ๆ ของในหลวง ร.9 ตลอด รู้สึกปลาบปลื้มทุกโครงการที่พระองค์ทรงทำเพื่อประชาชน รวมมถึงลูก ๆ หลาน ๆ สามารถนำไปปฏิบัติในชีวิตประจำวัน ส่วนตัวเองพยายามใช้ชีวิตตามรอยเบื้องพระยุคลบาทด้วยการประหยัด ใช้สิ่งของทุกอย่างให้คุ้มค่า รวมถึงช่วยเหลือคนอื่นทุกครั้งที่มีโอกาส
นางบุญมี ประสิทธิ์ อายุ 45 ปี เดินทางมาพร้อมลูกสาว น.ส.อัญชลี จันทร์โย่ง อายุ 20 ปี จากบ้านพักย่านวรจักร เปิดเผยว่า เดินทางมาถึงท้องสนามหลวงตั้งแต่ 08.00 น. โดยมาเป็นครั้งที่ 2 แล้วที่ตั้งตั้งใจเดินทางมากกราบสักการะพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช เพราะตลอดชีวิตไม่เคยมีโอกาสได้เฝ้าฯ รับเสด็จพระองค์เลย ดังนั้นเมื่อว่างจากการทำงานเมื่อไหร่ก็อยากมากราบสักการะพระบรมศพพระองค์ท่าน พร้อมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณของในหลวง รัชกาลที่ 9 ที่มีต่อปวงชนชาวไทยมาตลอดระยะเวลากว่า 70 ปีทรงครองราชย์ นอกจากนี้ส่วนตัวยังพยายามดำเนินชีวิตด้วยความประหยัดพอเพียงตามรอยเบื้องพระยุคลบาทด้วย
นายพงษ์พันธ์ วิงแก้วหิรัญ อายุ 58 ปี เดินทางจากย่านอ้อมใหญ่มากราบสักการะพระบรมศพเป็นครั้งที่ 4 กับเพื่อนตั้งแต่เวลา 08.00 น. กล่าวว่า เมื่อสมัยอายุประมาณ 5-6 ปี ตนเคยมีโอกาสเฝ้าฯรับเสด็จพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช เมื่อครั้งเสด็จฯทางเรือมายังตลาดน้ำดำเนินสะดวก จ.ราชบุรี จำได้ว่าพ่อแม่พาไปเฝ้าฯรับเสด็จด้วยกัน แต่เนื่องจากยังเด็กมากไม่ค่อยรู้ความว่าท่านมีความสำคัญอย่างไร เมื่อเติบโตมาพอรู้ว่าพระองค์คือพระผู้มีพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดมิได้ของปวงชนชาวไทย จึงได้พยายามติดตามข่าวสารพระราชกรณียกิจและเรื่องราวต่าง ๆ ของในหลวง ร.9 ตลอด รู้สึกปลาบปลื้มทุกโครงการที่พระองค์ทรงทำเพื่อประชาชน รวมมถึงลูก ๆ หลาน ๆ สามารถนำไปปฏิบัติในชีวิตประจำวัน ส่วนตัวเองพยายามใช้ชีวิตตามรอยเบื้องพระยุคลบาทด้วยการประหยัด ใช้สิ่งของทุกอย่างให้คุ้มค่า รวมถึงช่วยเหลือคนอื่นทุกครั้งที่มีโอกาส