วันนี้ (23 มี.ค.) ศาลปกครองสูงสุดมีคำสั่งยืนตามศาลปกครองกลางไม่รับคำฟ้องที่ บริษัท วิจิตรภัณฑ์ก่อสร้าง จำกัด และพวกรวม 6 ราย ซึ่งเป็นคู่สัญญากับกรมควบคุมมลพิษ ในโครงการก่อสร้างระบบบ่อบำบัดน้ำเสียคลองด่าน สมุทรปราการ ยื่นฟ้องสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) เลขาธิการ ปปง. และคณะกรรมการธุรกรรม กรณีขอให้ศาลมีคำสั่งเพิกถอนคำสั่งคณะกรรมการธุรกรรมที่ ย.148/2559 ลงวันที่ 13 พฤษภาคม 2559 อายัดการชำระหนี้ตามคำพิพากษาศาลปกครองสูงสุดของกรมควบคุมมลพิษจำนวน 2 รายการ พร้อมดอกผล คือหนี้งวดที่ 2 และ 3 ที่ต้องชำระงวดละเท่าๆ กันภายในวันที่ 21 พฤษภาคม 2559 งวดละ 380,936,174.53 บาท และ 16,288,391.55 เหรียญสหรัฐ รวมทรัพย์สินที่อายัดเป็นเงิน 4,761,872,349.06 บาท และ 32,576,783.10 เหรียญสหรัฐ และขอให้ศาลสั่งให้ ปปง.หยุดกระทำการใดๆ ที่อาจก่อให้เกิดความเสียหายแก่บริษัทวิจิตรภัณฑ์ฯ และพวก
ศาลเห็นว่า การที่บริษัท วิจิตรภัณฑ์ฯ และพวก นำคดีมาฟ้องต่อศาลปกครองเมื่อวันที่ 5 กรกฎาคม 2559 โดยยังไม่ได้รับหนังสือชี้แจงหรือผลการพิจารณาอุทธรณ์จากคณะกรรมการธุรกรรม และยังไม่พ้นกำหนด 60 วัน นับตั้งแต่วันที่ 31 พฤษภาคม 2559 ที่บริษัท วิจิตรภัณฑ์ฯ กับพวก ได้มีหนังสือยื่นต่อเลขาธิการ ปปง.ขอให้เพิกถอนการยึด หรืออายัดทรัพย์สินดังกล่าวนั้น จึงเป็นกรณีที่บริษัทวิจิตรภัณฑ์ฯกับพวกยังไมได้ดำเนินการตามขั้นตอนและวิธีการสำหรับการแก้ไขความเดือดร้อน หรือเสียหายตามมาตรา 42 วรรคสอง พ.ร.บ.จัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง 2542 ศาลจึงไม่อาจรับคำฟ้องไว้พิจารณาได้ ดังนั้น ที่ศาลปกครองชั้นต้นไม่รับคำฟ้องไว้พิจารณาศาลปกครองสูงสุดเห็นพ้องด้วย จึงมีคำสั่งไม่รับคำฟ้องที่ขอให้ศาลเพิกถอนคำสั่งอายัดการชำระหนี้ตามคำพิพากษาศาลปกครองสูงสุดในงวดที่ 2 และ 3
ทั้งนี้ หลังคณะกรรมการธุรกรรม ปปง.มีมติให้อายัดทรัพย์สิน บริษัท วิจิตรภัณฑ์ฯ พวกได้ยื่นฟ้องคดีต่อศาลปกครองหลายคดี โดยศาลปกครองสูงสุด มีคำสั่งรับคำฟ้องในคดีที่ บริษัท วิจิตรภัณฑ์ ขอให้เพิกถอนคำสั่งของ ปปง. ที่ให้ธนาคารและสถาบันการเงินต่างๆ ที่บริษัทวิจิตรภัณฑ์และพวกติดต่อใช้บริการทางการเงิน ตรวจสอบในทางลับและรายงานการทำธุรกรรมทางการเงินทุกประเภทในฐานะผู้กระทำความผิดฐานฟอกเงินแก่คณะกรรมการ ปปง.ไว้พิจารณา แต่ไม่รับคำฟ้องคดีที่ขอให้ศาลสั่งเพิกถอนคำสั่ง ปปง.ที่สั่งธนาคารอายัดเงินในบัญชี หรือระงับการทำธุรกรรมทางการเงินของบริษัทวิจิตรภัณฑ์ฯ และพวก
ศาลเห็นว่า การที่บริษัท วิจิตรภัณฑ์ฯ และพวก นำคดีมาฟ้องต่อศาลปกครองเมื่อวันที่ 5 กรกฎาคม 2559 โดยยังไม่ได้รับหนังสือชี้แจงหรือผลการพิจารณาอุทธรณ์จากคณะกรรมการธุรกรรม และยังไม่พ้นกำหนด 60 วัน นับตั้งแต่วันที่ 31 พฤษภาคม 2559 ที่บริษัท วิจิตรภัณฑ์ฯ กับพวก ได้มีหนังสือยื่นต่อเลขาธิการ ปปง.ขอให้เพิกถอนการยึด หรืออายัดทรัพย์สินดังกล่าวนั้น จึงเป็นกรณีที่บริษัทวิจิตรภัณฑ์ฯกับพวกยังไมได้ดำเนินการตามขั้นตอนและวิธีการสำหรับการแก้ไขความเดือดร้อน หรือเสียหายตามมาตรา 42 วรรคสอง พ.ร.บ.จัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง 2542 ศาลจึงไม่อาจรับคำฟ้องไว้พิจารณาได้ ดังนั้น ที่ศาลปกครองชั้นต้นไม่รับคำฟ้องไว้พิจารณาศาลปกครองสูงสุดเห็นพ้องด้วย จึงมีคำสั่งไม่รับคำฟ้องที่ขอให้ศาลเพิกถอนคำสั่งอายัดการชำระหนี้ตามคำพิพากษาศาลปกครองสูงสุดในงวดที่ 2 และ 3
ทั้งนี้ หลังคณะกรรมการธุรกรรม ปปง.มีมติให้อายัดทรัพย์สิน บริษัท วิจิตรภัณฑ์ฯ พวกได้ยื่นฟ้องคดีต่อศาลปกครองหลายคดี โดยศาลปกครองสูงสุด มีคำสั่งรับคำฟ้องในคดีที่ บริษัท วิจิตรภัณฑ์ ขอให้เพิกถอนคำสั่งของ ปปง. ที่ให้ธนาคารและสถาบันการเงินต่างๆ ที่บริษัทวิจิตรภัณฑ์และพวกติดต่อใช้บริการทางการเงิน ตรวจสอบในทางลับและรายงานการทำธุรกรรมทางการเงินทุกประเภทในฐานะผู้กระทำความผิดฐานฟอกเงินแก่คณะกรรมการ ปปง.ไว้พิจารณา แต่ไม่รับคำฟ้องคดีที่ขอให้ศาลสั่งเพิกถอนคำสั่ง ปปง.ที่สั่งธนาคารอายัดเงินในบัญชี หรือระงับการทำธุรกรรมทางการเงินของบริษัทวิจิตรภัณฑ์ฯ และพวก