xs
xsm
sm
md
lg

พสกนิกรทยอยเข้ากราบสักการะพระบรมศพอย่างไม่ขาดสาย

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

บรรยากาศการไว้อาลัยและกราบสักการะพระบรมศพ ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ในพระบรมมหาราชวัง วันนี้ (23 มี.ค.) ซึ่งดำเนินมาเป็นวันที่ 141 ตลอดทั้งวันยังคงมีประชาชนจากทั่วสารทิศเดินทางมากราบสักการะพระบรมศพอย่างไม่ขาดสาย ตั้งแต่เช้ามืด

น.ส.บุญเรือน ทองธนารักษ์ อายุ 65 ปี ข้าราชการครูบำนาญ ชาวบ้านท่าแดง ต.ลำปำ อ.เมือง จ.พัทลุง เดินทางมาพร้อมญาติและเพื่อนๆ รวม 6 คน เล่าหลังจากเข้ากราบสักการะพระบรมศพว่า เดินทางโดยเครื่องบินมาถึงกรุงเทพฯ ตั้งแต่เมื่อวานนี้ แล้วพักที่บ้านเพื่อนก่อนจะตื่นแต่เช้ามืดแล้วมาถึงท้องสนามหลวงเพื่อเข้าแถวในเวลา 06.00 น.และได้เข้ากราบสักการะพระบรมศพเวลา 08.00 น. รู้สึกดีใจและประทับใจกับการมาครั้งแรก รอไม่นาน และได้รับความสะดวกจากเจ้าหน้าที่อย่างดี ตอนขึ้นกราบ อธิษฐานว่ารักพระองค์มาก หากชาติหน้ามีจริงจะขอให้ได้พบเจอท่านทุกชาติ ขอให้พระองค์พักผ่อนให้สบาย ลูกๆ จะรักสามัคคีกันเพื่อพระองค์

"เรารักท่านเหมือนเป็นพ่อคนหนึ่ง ยังไงต้องมาให้ได้ พอได้มามีความสุขอย่างบอกไม่ถูก ตอนเด็กๆ จำได้ว่ามีโอกาสได้รับเสด็จตอนท่านเสด็จฯ ไปเป็นประธานยกช่อฟ้าวัดคูหาสวรรค์ จ.พัทลุง แล้วเยี่ยมราษฎร ได้นั่งรับเสด็จใกล้ๆ เลย ทรงพระดำเนินผ่านข้างหน้าแล้วโบกพระหัตถ์ อีกครั้งที่ประทับใจไม่ลืมคือตอนไปเรียนที่วิทยาลัยครูยะลา ท่านเสด็จฯ โดยรถไฟ เราก็พากันไปยืนรอรับริมทางรถไฟ รู้สึกจิตใจเบิกบาน เป็นบุญของเรามาก พระองค์ท่านทรงเป็นทุกอย่างของคนไทย เป็นแบบอย่างในทุกเรื่อง โดยไม่ต้องบอกว่าให้รักให้ศรัทธา แต่ความรู้สึกนี้เกิดขึ้นโดยอัตโนมัติ เราอยากเดินตามท่านทุกเรื่อง อย่างข้าราชการครูก็ต้องทำหน้าที่ให้ดี เพราะเด็กๆ จะได้ก็ด้วยมีต้นแบบให้เขาเห็น นอกจากนี้ยังต้องซื่อสัตย์ สุจริต และอดทนด้วย" ครูบำนาญ กล่าว

นางปนัดดา บุญเชิญ อายุ 39 ปี และนางภัทรานี ศรีภาค์ อายุ 48 สองข้าราชกาองค์การบริการส่วนตำบลโพนค้อ อำเภอเมือ จ.ศรีสะเกษ ที่ได้เดินทางโดยรถบัส 1 คัน และรถตู้อีก 1 คัน พร้อมกับเจ้าหน้าที่ อบต.โพนค้อ จำนวน 70 คน ซึ่งได้ออกเดินทางจากบ้านเกิด จ.ศรีสะเกษ ตั้งแต่เย็นวานนี้ และมาถึงทัองสนามหลวงตอน 05.00 น. และได้ขึ้นสักการะพระบรมศพเมื่อเวลา 09.30 น.

นางปนัดดา กล่าวความรู้สึกภายหลังสักการะพระบรมศพ ว่า เป็นการเดินทางมาสักการะพระบรมศพครั้งแรก รู้สึกปลาบปลื้มใจเป็นอย่างมาก พูดถึงในหลวงรัชกาลที่ 9 ขึ้นมาทีไรน้ำตาก็ไหลออกมาทุกที ไม่เคยคิดว่าท่านจะเสด็จสวรรคตเร็วขนาดนี้ คิดเสมอว่าในหลวง ร.9 หากแต่พระองค์ท่านก็สถิตอยู่ในใจพวกเราชาวไทยเสมอมา ด้วยพะราชกรณียกิจน้อยใหญ่นานัปการ อีกทั้งโครงการในพระราชดำริอีกกว่า 2,000 โครงการ พระองค์ล้วนทรงทำเพื่อประชาชนชาวไทยทั้งสิ้น โดยเฉพาะเรื่องการเกษตร ชาวจังหวัดศรีสะเกษ ที่ผ่านมามีปัญหาเรื่องดินเป็นดาน ไม่สามาถทำนาปลูกข้าวได้ เดือดร้อนกันทุกถิ่นที่ ครั้นความเดือดร้อนแสนสาหัสนี้รู้ถึงพระเนตรพระกรรณพระองค์ท่านจึงได้พระราทานความช่วยเหลือด้วยการจัดตั้งโครงการศูนย์พัฒนาเกษตร ภูสิงห์ ขึ้นมาเพื่อให้นักวิจัยเข้ามาศึกษาแก้ปัญหาเรื่องดินดาน และเป็นศูนย์เรียนรู้เศรษฐกิจพอเพียงอย่างเต็มตัว จนทำให้ทุกวันนี้ชาวนาจังหวัดศรีสะเกษสามารถปลูกข้าวสร้างรายได้ปีละหลายแสน ทำให้ทุกชีวิตอยู่ร่วมกันอย่างเป็นสุข และเป็นแบบอย่างให้ อบต.โพนค้อ ยึดเป็นต้นแบบสานต่องานของในหลวง ร.9 ต่อไป

"จากศูนย์พัฒนาโครงการเกษตร ภูสิงห์ ที่ประสบความสำเร็จเป็นอย่างมากในเรื่องของการนำแนวทางการทำเกษตรทฤษฎีใหม่ของ ในหลวง ร.9 มาปรับใช้และสอนทุกคนในจังหวัด ดังนั้นทุกวันนี้ที่ อบต.เองก็ได้แบ่งพื้นที่ 1 ไร่ สำหรับเป็นศูนย์เรียนรู้ด้านการเกษตร เราจะส่งเสริมให้คนในหมู่บ้านมช่วยกันปลูกผัก เลี้ยงปลา โดยผลผลิตทั้งหมดที่ออกดอกออกผล ทุกคนสามารถมาเก็บไปกินในครัวเรือนได้ และส่วนตัวในฐานะที่เป็นข้าราชการ นอกจากจะทำหน้าที่ของตัวเองด้วยความซื่อสัตย์สุจริต ไม่คอร์รัปชันแล้ว ก็ยังจะน้อมนำคำสอนเรื่องความพอเพียงไปปรับใช้ในการดำเนินชีวิตประจำวันอีกด้วย ใช้จ่ายเท่าที่มี ประหยัดอดออมตั้งตนอยู่ในความไม่ประมาท" นางปนัดดา กล่าว
กำลังโหลดความคิดเห็น