พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธานประชุมคณะกรรมการนโยบายและบริหารจัดการข้าว (นบข.) ที่ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล ซึ่งเป็นการรับทราบผลการปฏิบัติงาน โดยเฉพาะการระบายข้าวในสตอกของรัฐบาล
นางสาววิบูลย์ลักษณ์ ร่วมรักษ์ ปลัดกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ที่ประชุมได้มีการพิจารณาแผนข้าวครบวงจรปี 2560/2561 ซึ่ง มีเรื่องของการระบายข้าวในสตอกของรัฐบาลในส่วนที่เหลือก่อนหน้านี้ ซึ่งคงเหลืออยู่ประมาณ 8 ล้านตัน แบ่งเป็น 3 กลุ่ม คือ ข้าวที่มีคุณภาพสามารถบริโภคได้ 3 ล้านตัน ซึ่งได้เปิดประมูลขายไปแล้วเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2.86 ล้านตัน สามารถระบายได้ 1.3 ล้านตัน คงเหลือข้าวอีก 1.5 ล้านตัน ซึ่งจะเปิดประมูลรอบใหม่ในช่วงเดือนพฤษภาคมนี้ กลุ่มที่ไม่สามารถบริโภคได้และต้องใช้ในภาคอุตสาหกรรม ปริมาณ 3.6 ล้านตัน ซึ่งมีผู้เสนอมาแล้ว 19 ราย และในวันพรุ่งนี้ (23 มี.ค.) จะเปิดซองผู้ผ่านคุณสมบัติครบถ้วนยื่นซองเสนอซื้อข้าวสารในสตอกของรัฐเข้าสู่อุตสาหกรรมที่ไม่ใช่การบริโภคของคน แต่เชื่อว่าจะมีปริมาณข้าวเหลือจากการขายจึงจะต้องขออนุมัติหลักการณ์เพื่อขายข้าวรอบใหม่ในเดือนมิถุนายน ส่วนกลุ่มสุดท้าย คือข้าวที่เสื่อมสภาพมีอายุการเก็บรักษาเกิน 5 ปี จะเปิดประมูลรอบแรกในช่วงต้นเดือนเมษายน ทั้งนี้ เชื่อว่าการระบายข้าวในกลุ่มที่ 1 จะไม่มีปัญหา เพราะสามารถระบายได้ทั้งตลาดภายในประเทศ
อย่างไรก็ตาม การส่งออกขณะที่ข้าวที่จะระบายเข้าสู่ภาคอุตสาหกรรมจะควบคุมไม่ให้ไหลกลับเข้าสู่ข้าวเพื่อการบริโภค และจะดูแลราคาข้าวเพื่อไม่ให้กระทบกับข้าวฤดูกาลใหม่ที่จะออกสู่ตลาดเร็วๆ นี้
นางสาววิบูลย์ลักษณ์ ร่วมรักษ์ ปลัดกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ที่ประชุมได้มีการพิจารณาแผนข้าวครบวงจรปี 2560/2561 ซึ่ง มีเรื่องของการระบายข้าวในสตอกของรัฐบาลในส่วนที่เหลือก่อนหน้านี้ ซึ่งคงเหลืออยู่ประมาณ 8 ล้านตัน แบ่งเป็น 3 กลุ่ม คือ ข้าวที่มีคุณภาพสามารถบริโภคได้ 3 ล้านตัน ซึ่งได้เปิดประมูลขายไปแล้วเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2.86 ล้านตัน สามารถระบายได้ 1.3 ล้านตัน คงเหลือข้าวอีก 1.5 ล้านตัน ซึ่งจะเปิดประมูลรอบใหม่ในช่วงเดือนพฤษภาคมนี้ กลุ่มที่ไม่สามารถบริโภคได้และต้องใช้ในภาคอุตสาหกรรม ปริมาณ 3.6 ล้านตัน ซึ่งมีผู้เสนอมาแล้ว 19 ราย และในวันพรุ่งนี้ (23 มี.ค.) จะเปิดซองผู้ผ่านคุณสมบัติครบถ้วนยื่นซองเสนอซื้อข้าวสารในสตอกของรัฐเข้าสู่อุตสาหกรรมที่ไม่ใช่การบริโภคของคน แต่เชื่อว่าจะมีปริมาณข้าวเหลือจากการขายจึงจะต้องขออนุมัติหลักการณ์เพื่อขายข้าวรอบใหม่ในเดือนมิถุนายน ส่วนกลุ่มสุดท้าย คือข้าวที่เสื่อมสภาพมีอายุการเก็บรักษาเกิน 5 ปี จะเปิดประมูลรอบแรกในช่วงต้นเดือนเมษายน ทั้งนี้ เชื่อว่าการระบายข้าวในกลุ่มที่ 1 จะไม่มีปัญหา เพราะสามารถระบายได้ทั้งตลาดภายในประเทศ
อย่างไรก็ตาม การส่งออกขณะที่ข้าวที่จะระบายเข้าสู่ภาคอุตสาหกรรมจะควบคุมไม่ให้ไหลกลับเข้าสู่ข้าวเพื่อการบริโภค และจะดูแลราคาข้าวเพื่อไม่ให้กระทบกับข้าวฤดูกาลใหม่ที่จะออกสู่ตลาดเร็วๆ นี้