นายแสน ศรีงาม ประมงจังหวัดกระบี่ กล่าวว่า ตามที่ประมงจังหวัดกระบี่ร่วมกับเจ้าหน้าที่เข้ารื้อถอนโป๊ะ ซึ่งเป็นเครื่องมือทำการประมงผิดกฎหมายในเขตพื้นที่ทะเลชายฝั่ง 3 อำเภอของ จ.กระบี่ ประกอบด้วย อ.เมือง อ.เหนือคลอง และ อ.คลองท่อม ซึ่งได้เริ่มรื้อถอน เมื่อวันที่ 15 มี.ค.ที่ผ่านมา จนแล้วเสร็จรวมกว่า 200 ปาก สามารถนำพื้นที่ทะเลกลับมาให้ชาวบ้านได้ร่วมกันใช้ประโยชน์ได้กว่า 400,000 ไร่ ที่ผ่านมารัฐบาลได้จ่ายค่าชดเชยให้แก่ชาวประมงที่เลิกอาชีพทำโป๊ะในพื้นที่ จ.กระบี่ รวม 256 ราย ส่วนอีกกว่า 200 ราย ไม่ยอมรื้อถอนเจ้าหน้าที่ได้แจ้งให้รื้อถอนมาแล้วหลายครั้งแต่ไม่ดำเนินการจึงต้องเข้ารื้อถอน ตามคำสั่งหัวหน้า คสช.ที่ 24/2558 เรื่องการแก้ไขปัญหาการทำการประมงผิดกฎหมาย ขาดการรายงาน และไร้การควบคุม(เพิ่มเติม) ลงวันที่ 5 สิงหาคม 2558 โดยเจ้าหน้าที่ทำภายใต้กรอบของกฎหมายทุกขั้นตอน จากผลการวิจัยพบว่าเครื่องมือทำประมงประเภทโป๊ะ เป็นเครื่องมือทำลายสัตว์น้ำวัยเจริญพันธุ์อย่างร้ายแรง ทำให้ปริมาณสัตว์น้ำลดลง และกีดขวางการสัญจรทางน้ำหลังจากรื้อถอนแล้ว เชื่อว่าจะทำให้สัตว์น้ำ ทุกชนิดในพื้นที่ทะเล จ.กระบี่ จะกลับมาอุดมสมบูรณ์ และเพิ่มปริมาณจำนวนมากอีกครั้งอย่างแน่นอน และทางกรมประมงจะประกาศปิดอ่าวเป็นระยะเวลา 3 เดือน ระหว่างวันที่ 1 เม.ย.ถึง 30 มิ.ย.ของทุกปี ในอาณาเขตพื้นที่ 4,696 ตารางกิโลเมตร ครอบคลุมพื้นที่บางส่วนใน 4 จังหวัด ได้แก่ ภูเก็ต พังงา กระบี่ และตรัง ซึ่งมาตรการปิดอ่าวนี้ได้มีการกำหนดห้ามใช้เครื่องมือในการทำประมงบางชนิดที่ส่งผลกระทบต่อขยายพันธุ์ของทรัพยากรสัตว์น้ำวัยอ่อนโดยเฉพาะปลาทู ส่วนชาวประมงโป๊ะที่ขาดรายได้ทางประมง จ.กระบี่ จะได้ให้การช่วยเหลือต่อไป