xs
xsm
sm
md
lg

พสกนิกรทุกหมู่เหล่าเข้าถวายสักการะพระบรมศพ เป็นวันที่ 139

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

วันนี้ (21 มี.ค.) บรรยากาศการไว้อาลัยและกราบสักการะพระบรมศพ ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ในพระบรมมหาราชวัง ซึ่งดำเนินมาเป็นวันที่ 139 ตลอดทั้งวัน ยังมีพสกนิกรทุกหมู่เหล่าจากทั่วสารทิศของประเทศไทย เดินทางมารอต่อแถวเข้าถวายสักการะพระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ด้วยความสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดไม่ได้ อย่างไม่ขาดสาย ตลอดทั้งวันตั้งแต่ช่วงเช้ามืด
นายอำพร กัณหาบุตร ผู้บกพร่องทางสายตา นายกสมาคมคนพิการ จ.ศรีสะเกษ กล่าวภายหลังเข้ากราบสักการะพระบรมศพ ว่า วันนี้เดินทางมาพร้อมกับผู้พิการ ใน จ.ศรีสะเกษ กว่า 100 คน รู้สึกซาบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ที่ทรงมีพระเมตตาทรงคอยดูแลช่วยเหลือคนพิการเป็นอย่างดีตลอดมา ทั้งเรื่องความเป็นอยู่เรื่องค่าใช้จ่ายในครอบครัว การรักษาพยาบาล และให้คนพิการได้รับการศึกษาที่ดีขึ้น รวมถึงเรื่องการประกอบอาชีพ
ทั้งนี้ เพื่อให้คนพิการสามารถช่วยเหลือตนเองได้ ซึ่งพวกเรารู้สึกสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดมิได้ โดยผู้พิการอยากจะขอตอบแทนด้วยการเดินตามรอยเบื้องพระยุคลบาท สมกับที่พระองค์ทรงอุทิศพระวรกาย และทรงเหน็ดเหนื่อยเพื่อพสกนิกรชาวไทยทุกหมู่เหล่าให้อยู่ดีมีสุขขึ้น ที่สำคัญจะน้อมนำหลักคำสอนในเรื่องเศรษฐกิจพอเพียงของพระองค์มาใช้
ขณะที่นางสมนึก ทัศสาลี อายุ 64 ปี อาชีพค้าขายและเกษตรกร ชาว ต.บ้านป่า อ.แก่งคอย จ.สระบุรี กล่าวว่า เพิ่งจะมีโอกาสเดินทางมาเป็นครั้งแรก โดยในวันนี้เช่าเหมารถตู้โดยสารเดินทางมาพร้อมกับลูกชาย หลาน ๆ และญาติรวม 10 คน โดยออกเดินทางจากบ้านมาตั้งแต่ตี 3 ซึ่งตนอยากเดินทางมากราบสักการะพระบรมศพนานแล้ว และช่วงแรกๆ เกรงว่าคนจะเยอะ จึงรอโอกาสและรอให้หลานปิดเทอมด้วย เพราะอยากพาหลานมาร่วมซึมซับบรรยากาศและร่วมถวายความอาลัยครั้งสุดท้ายด้วย
นางเทวี เกริฤทธิ์วณิช อายุ 65 ปี เดินทางมาจากบ้านพักย่านถนนศรีนครินทร์ พร้อมด้วยเพื่อนรุ่นน้อนอีก 2 คน คือ นางสาวทิพชา วงศ์สกุลพัทธ์ อายุ 64 ปี และนางสาวพูนศรี หลวงวิชัย อายุ 50 ปี กล่าวว่า เพิ่งเดินทางมาเป็นครั้งแรกโดยนัดแนะกับเพื่อนเดินทางมาตั้งแต่เวลาประมาณ 06.30 น.ใช้เวลาเข้าแถวเพียงไม่นานก็ได้ขึ้นไปกราบพระบรมศพเบื้องหน้าพระบรมโกศ บนพระที่นั่งดุสิตฯ
นางสาวพรวน เที่ยงรอด สาวใหญ่วัย 61 ปี อาชีพตัดเย็บเสื้อผ้า เดินทางมาจากบ้านพักใน อ.เมือง จ.นครปฐม โดยสวมใส่ชุดผ้าไหมที่ตั้งใจตัดเย็บเพื่อสวมใส่มาในโอกาสนี้โดยเฉพาะ เปิดเผยว่า เดินทางมาเป็นครั้งที่ 3 แล้วความรู้สึกครั้งนี้ดีขึ้นกว่าครั้งแรกที่มาเพราะตอนนั้นยังเสียใจมากแต่ครั้งนี้ทำใจได้มากขึ้น และเชื่อว่าคนไทยส่วนใหญ่ก็รู้สึกเช่นเดียวกัน
ขณะที่ครอบครัว "เปลี่ยนแปลก" ถือโอกาสช่วงปิดเทอมมากันพร้อมหน้าครอบครัว นำโดยหัวหน้าครอบครัวนายอิทธิพล นางสายชล ด.ช.ไอระวีณ และด.ญ.อินทุภา โดยนายอิทธิพล และนางสายชล ร่วมกันเล่าว่า เดินทางมาเป็นครั้งจากบ้านใน จ.นครปฐม ที่จริงอยากมานานแล้วแต่รอให้ลูกๆ ปิดเทอมจะได้มากันพร้อมหน้าครอบครัว เพราะที่ผ่านมา สอนให้ลูกๆ รู้จักพระองค์ท่าน และสอนให้ลูกๆ ดำเนินรอยตามพระองค์ท่านด้วยการทำความดี นำคำสอนของพระองค์ท่านมาปรับใช้กับชีวิต และที่สำคัญที่สุดคือเรื่องความประหยัด เพราะเด็กๆ เขายังไม่รู้ว่าสำคัญอย่างไร เขายังไม่รู้ค่าของเงิน เราในฐานะพ่อแม่จึงต้องพยายามสอนเขาให้ซึมซับไปเรื่อยๆ
กำลังโหลดความคิดเห็น