xs
xsm
sm
md
lg

20 มี.ค. "วันวสันตวิษุวัต" กลางวันยาวเท่ากลางคืน

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

รศ.บุญรักษา สุนทรธรรม ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติ เปิดเผยว่า ในวันที่ 20 มีนาคมนี้ ดวงอาทิตย์จะขึ้นจากขอบฟ้าทางทิศตะวันออกและตกลับขอบฟ้าทางทิศตะวันตกพอดี ทำให้เป็นวันที่กลางวันยาวเท่ากับกลางคืน ภาษาสันสกฤตเรียกว่า "วันวสันตวิษุวัต" (Vernal Equinox) และประเทศทางซีกโลกเหนือนับเป็นวันย่างเข้าสู่ฤดูใบไม้ผลิ ส่วนประเทศในซีกโลกใต้นับเป็นวันย่างเข้าสู่ฤดูใบไม้ร่วง

สำหรับประเทศไทยในวันที่ 20 มีนาคม 2560 กรุงเทพมหานคร ดวงอาทิตย์ขึ้น เวลาประมาณ 06.23 น. และจะตกลับขอบฟ้า เวลาประมาณ 18.28 น. ในแต่ละวันดวงอาทิตย์จะปรากฎในตำแหน่งต่างๆ กัน เปลี่ยนตำแหน่งไปประมาณวันละ 1 องศา หลังจากนี้ ดวงอาทิตย์จะเคลื่อนที่เฉียงไปทางเหนือเรื่อยๆ และหยุดที่จุดเหนือสุดในวันที่ 21 มิถุนายน หรือที่เรียกว่าวันครีษมายัน (Summer Solstice) หลังจากนั้นจะค่อยๆ เคลื่อนที่เฉียงลงมาทางใต้อีกครั้งหนึ่ง

ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติ กล่าวเพิ่มเติมว่า โลกโคจรรอบดวงอาทิตย์เป็นวงรี ทำให้ในรอบหนึ่งปี โลกมีระยะห่างจากดวงอาทิตย์ไม่เท่ากัน ช่วงที่ใกล้ที่สุดประมาณต้นเดือนมกราคม (147 ล้านกิโลเมตร) ช่วงที่ไกลที่สุดประมาณต้นเดือนกรกฎาคม (152 ล้านกิโลเมตร) เมื่อเปรียบเทียบความแตกต่างของระยะทางใกล้-ไกล ในการโคจรของโลกรอบดวงอาทิตย์ ถือเป็นอัตราส่วนที่น้อยมากจึงไม่มีผลต่อการเกิดฤดูกาลแต่อย่างใด แต่การที่แกนหมุนของโลกเอียงทำมุม 23.5 องศา กับระนาบตั้งฉากวงโคจรของโลกรอบดวงอาทิตย์ พื้นที่ต่างๆ ทั่วโลก จึงรับแสงอาทิตย์ได้ในปริมาณที่ไม่เท่ากัน ทำให้มีอุณภูมิต่างกัน รวมถึงมีระยะเวลากลางวันและกลางคืนที่ต่างกันด้วย เป็นเหตุให้เกิดฤดูกาลขึ้นบนโลก จะสังเกตได้ว่า ในฤดูร้อน เวลากลางวันจะยาวกว่ากลางคืน ดวงอาทิตย์จะขึ้นเร็วและตกช้า ส่วนในฤดูหนาว เวลากลางคืนจะยาวนานกว่า ดวงอาทิตย์จะขึ้นช้าและตกเร็ว

นอกจากนี้ การที่มุมเอียงของแกนโลกและการโคจรของโลกรอบดวงอาทิตย์มีผลต่อแสงดวงอาทิตย์ที่ตกกระทบพื้นผิวโลก บริเวณใดที่แสงอาทิตย์ตั้งฉากกับพื้นโลก จะได้รับพลังงานความร้อนจากแสงอาทิตย์มากกว่าบริเวณที่แสงอาทิตย์ทำมุมเอียงกับพื้นโลก แสงอาทิตย์ที่ทำมุมเอียงกับพื้นโลกจะผ่านชั้นบรรยากาศที่หนากว่าแสงอาทิตย์ที่ตั้งฉาก ฝุ่นละออง ไอน้ำในอากาศจะดูดกลืนความร้อน และสะท้อนความร้อนบางส่วนออกไปยังบรรยากาศภายนอก ทำให้ความเข้มของพลังงานความร้อนที่ตกกระทบผิวพื้นโลกลดลง

ดวงอาทิตย์จะอยู่ในตำแหน่งที่ตั้งฉากกับพื้นโลก เฉพาะบริเวณละติจูด 23.5 องศาเหนือ ถึง 23.5 องศาใต้เท่านั้น เนื่องจากแกนโลกเอียง 23.5 องศา ดังนั้นประเทศที่อยู่ในเขตร้อนเท่านั้น (ระหว่างละติจูด 23.5 องศาเหนือ ถึง 23.5 องศาใต้) ที่จะสามารถสังเกตเห็นดวงอาทิตย์ตั้งฉากได้ สำหรับวันที่ 20 มีนาคม 2560 ดวงอาทิตย์จะตั้งฉากกับพื้นที่บริเวณเส้นศูนย์สูตรโลก (ละติจูด 0 องศา) ส่วนประเทศไทยตั้งอยู่ละติจูดประมาณ 15 องศาเหนือ ดวงอาทิตย์จะตั้งฉากกับกรุงเทพฯ ในวันที่ 27 เมษายน 2560
กำลังโหลดความคิดเห็น