พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวว่า จากสถานการณ์ภัยแล้งที่เกิดขึ้น มีความห่วงใยพี่น้องเกษตรกรเป็นอย่างยิ่ง จึงได้สั่งการให้นายสุรสีห์ กิตติมณฑล อธิบดีกรมฝนหลวงและการบินเกษตร บูรณาการหน่วยปฏิบัติการฝนหลวงประจำภูมิภาคทั่วทั้งประเทศ โดยเฉพาะบริเวณพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง ซึ่งจากข้อมูลสถานการณ์ปริมาณน้ำใช้การได้ในอ่างเก็บน้ำที่สำคัญ ณ วันที่ 14 มีนาคม 2560 ได้แก่ เขื่อนลำตะคอง (ร้อยละ 23) เขื่อนลำพระเพลิง (ร้อยละ 42) เขื่อนมูลบน (ร้อยละ 40) และเขื่อนลำแซะ (ร้อยละ 34) ยังคงมีปริมาณน้ำน้อยต่อความต้องการน้ำเพื่อการอุปโภค-บริโภค
กรมฝนหลวงและการบินเกษตร จึงได้ปรับแผนให้หน่วยปฏิบัติการฝนหลวงภาคกลาง จ.ลพบุรี ประสานงานกับหน่วยปฏิบัติการฝนหลวงภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จ.บุรีรัมย์ เน้นการปฏิบัติการฝนหลวงในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการปฏิบัติการฝนหลวงช่วยเหลือพื้นที่การเกษตรและเพิ่มปริมาณน้ำกักเก็บของเขื่อนในพื้นที่ดังกล่าว ได้แก่ เขื่อนลำตะคอง เขื่อนลำพระเพลิง เขื่อนมูลบน และเขื่อนลำแซะ ผลการปฏิบัติงานพบว่า มีฝนตกในเขตพื้นที่ จ.นครสวรรค์ ลพบุรี เพชรบูรณ์ สระบุรี มหาสารคาม ร้อยเอ็ด และนครราชสีมา ส่งผลให้มีปริมาณน้ำไหลเข้าอ่างสะสมรวม 4 เขื่อน จำนวน 13.99 ล้านลูกบาศก์เมตร
อย่างไรก็ตาม ขอให้ประชาชนในพื้นที่มั่นใจว่า กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยกรมฝนหลวงและการบินเกษตร จะยังคงปฏิบัติการฝนหลวงเพื่อช่วยเหลือพี่น้องเกษตรกรในการแก้ปัญหาภัยแล้ง และเติมน้ำในเขื่อนที่สำคัญของประเทศ โดยไม่ให้มีผลกระทบกับพื้นที่เก็บเกี่ยวผลผลิตทางการเกษตร ทั้งนี้ สามารถติดตามผลการปฏิบัติการประจำวันได้ที่เฟซบุ๊ก กรมฝนหลวงและการบินเกษตร หรือ www.royalrain.go.th
กรมฝนหลวงและการบินเกษตร จึงได้ปรับแผนให้หน่วยปฏิบัติการฝนหลวงภาคกลาง จ.ลพบุรี ประสานงานกับหน่วยปฏิบัติการฝนหลวงภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จ.บุรีรัมย์ เน้นการปฏิบัติการฝนหลวงในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการปฏิบัติการฝนหลวงช่วยเหลือพื้นที่การเกษตรและเพิ่มปริมาณน้ำกักเก็บของเขื่อนในพื้นที่ดังกล่าว ได้แก่ เขื่อนลำตะคอง เขื่อนลำพระเพลิง เขื่อนมูลบน และเขื่อนลำแซะ ผลการปฏิบัติงานพบว่า มีฝนตกในเขตพื้นที่ จ.นครสวรรค์ ลพบุรี เพชรบูรณ์ สระบุรี มหาสารคาม ร้อยเอ็ด และนครราชสีมา ส่งผลให้มีปริมาณน้ำไหลเข้าอ่างสะสมรวม 4 เขื่อน จำนวน 13.99 ล้านลูกบาศก์เมตร
อย่างไรก็ตาม ขอให้ประชาชนในพื้นที่มั่นใจว่า กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยกรมฝนหลวงและการบินเกษตร จะยังคงปฏิบัติการฝนหลวงเพื่อช่วยเหลือพี่น้องเกษตรกรในการแก้ปัญหาภัยแล้ง และเติมน้ำในเขื่อนที่สำคัญของประเทศ โดยไม่ให้มีผลกระทบกับพื้นที่เก็บเกี่ยวผลผลิตทางการเกษตร ทั้งนี้ สามารถติดตามผลการปฏิบัติการประจำวันได้ที่เฟซบุ๊ก กรมฝนหลวงและการบินเกษตร หรือ www.royalrain.go.th