วันนี้ (10 มี.ค.) ที่ห้องพิจารณา 814 ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก ศาลนัดอ่านคำพิพากษาศาลฎีกา คดีหมายเลขดำ อ.4177/2552 ที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรี เป็นโจทก์ ยื่นฟ้องนายอริสมันต์ พงศ์เรืองรอง อดีตแกนนำ นปช. เป็นจำเลย ในความผิดฐานหมิ่นประมาทผู้อื่นโดยการโฆษณา
กรณีสืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 11 และ 17 ตุลาคม 2552 จำเลยได้ปราศรัยที่บริเวณอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย และหน้าทำเนียบรัฐบาล ซึ่งมีการถ่ายทอดสดผ่านช่องพีเพิล แชนแนล ใส่ร้ายนายอภิสิทธิ์ นายกรัฐมนตรี (ขณะนั้น) ทำนองว่า การบริหารงานรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ กู้ยืมเงินมาเพื่อทุจริตคดโกง โดยการหยิบยกเรื่องสถาบันมากล่าวอ้าง และกล่าวหาว่าเป็นผู้หน่วงเหนี่ยวคำร้องฎีกาขอพระราชทานอภัยโทษให้กับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ทำให้ล่าช้า รวมถึงสั่งทหารฆ่าประชาชน ปล้นอำนาจจากประชาชน และไม่ดำเนินการตรวจสอบการทุจริตในโครงการต่างๆ ซึ่งล้วนเป็นเท็จ ทำให้โจทก์ได้รับความเสียหาย เสื่อมเสียชื่อเสียง จำเลยให้การปฏิเสธ
คดีนี้ ศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาว่า การกระทำของจำเลยเป็นการกล่าวข้อความเท็จ ยุยง ปลุกปั่นประชาชนที่รับฟังการปราศรัย ทำให้โจทก์ต้องเสื่อมเสียชื่อเสียง กระทั่งเหตุการณ์บานปลายทำให้เกิดความวุ่นวายทางการเมือง เป็นการมุ่งหวังทางการเมืองที่เป็นประโยชน์แก่ฝ่ายพรรคการเมืองที่จำเลยสังกัด ไม่ใช่เป็นการแสดงความคิดเห็น หรือติชมโดยสุจริต พิพากษาจำคุก 2 กระทงๆ ละ 6 เดือน รวมจำคุก 12 เดือน โดยไม่รอลงอาญา เพราะจำเลยได้กล่าวพาดพิงสถาบัน และให้จำเลยลงโฆษณาคำพิพากษาในหนังสือพิมพ์มติชน และเดลินิวส์ ติดต่อกันเป็นเวลา 7 วัน โดยให้จำเลยเป็นผู้ชำระค่าโฆษณา และศาลอุทธรณ์มีคำพิพากษายืนตามศาล
อย่างไรก็ตาม วันนี้ นายอริสมันต์ จำเลยที่ได้รับประกันตัวระหว่างฎีกา วงเงิน 500,000 บาท ไม่ได้เดินทางมาศาล แต่มีผู้แทนทนายความ มายื่นคำร้องขอเลื่อนอ่านคำพิพากษาศาลฎีกาออกไปก่อน เนื่องจากจำเลยมีอาการป่วย ปวดท้อง รักษาตัวที่โรงพยาบาล ศาลพิจารณาแล้ว เห็นว่า จำเลยทราบนัดโดยชอบแล้วไม่มา แต่มีผู้แทนมายื่นคำร้องอ้างเหตุอาการเจ็บป่วย ซึ่งถือเป็นเหตุจำเป็น ไม่อาจก้าวล่วง จึงให้เลื่อนอ่านคำพิพากษาศาลฎีกาคดีนี้อีกครั้งวันที่ 28 มีนาคมนี้ เวลา 09.30 น.
กรณีสืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 11 และ 17 ตุลาคม 2552 จำเลยได้ปราศรัยที่บริเวณอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย และหน้าทำเนียบรัฐบาล ซึ่งมีการถ่ายทอดสดผ่านช่องพีเพิล แชนแนล ใส่ร้ายนายอภิสิทธิ์ นายกรัฐมนตรี (ขณะนั้น) ทำนองว่า การบริหารงานรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ กู้ยืมเงินมาเพื่อทุจริตคดโกง โดยการหยิบยกเรื่องสถาบันมากล่าวอ้าง และกล่าวหาว่าเป็นผู้หน่วงเหนี่ยวคำร้องฎีกาขอพระราชทานอภัยโทษให้กับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ทำให้ล่าช้า รวมถึงสั่งทหารฆ่าประชาชน ปล้นอำนาจจากประชาชน และไม่ดำเนินการตรวจสอบการทุจริตในโครงการต่างๆ ซึ่งล้วนเป็นเท็จ ทำให้โจทก์ได้รับความเสียหาย เสื่อมเสียชื่อเสียง จำเลยให้การปฏิเสธ
คดีนี้ ศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาว่า การกระทำของจำเลยเป็นการกล่าวข้อความเท็จ ยุยง ปลุกปั่นประชาชนที่รับฟังการปราศรัย ทำให้โจทก์ต้องเสื่อมเสียชื่อเสียง กระทั่งเหตุการณ์บานปลายทำให้เกิดความวุ่นวายทางการเมือง เป็นการมุ่งหวังทางการเมืองที่เป็นประโยชน์แก่ฝ่ายพรรคการเมืองที่จำเลยสังกัด ไม่ใช่เป็นการแสดงความคิดเห็น หรือติชมโดยสุจริต พิพากษาจำคุก 2 กระทงๆ ละ 6 เดือน รวมจำคุก 12 เดือน โดยไม่รอลงอาญา เพราะจำเลยได้กล่าวพาดพิงสถาบัน และให้จำเลยลงโฆษณาคำพิพากษาในหนังสือพิมพ์มติชน และเดลินิวส์ ติดต่อกันเป็นเวลา 7 วัน โดยให้จำเลยเป็นผู้ชำระค่าโฆษณา และศาลอุทธรณ์มีคำพิพากษายืนตามศาล
อย่างไรก็ตาม วันนี้ นายอริสมันต์ จำเลยที่ได้รับประกันตัวระหว่างฎีกา วงเงิน 500,000 บาท ไม่ได้เดินทางมาศาล แต่มีผู้แทนทนายความ มายื่นคำร้องขอเลื่อนอ่านคำพิพากษาศาลฎีกาออกไปก่อน เนื่องจากจำเลยมีอาการป่วย ปวดท้อง รักษาตัวที่โรงพยาบาล ศาลพิจารณาแล้ว เห็นว่า จำเลยทราบนัดโดยชอบแล้วไม่มา แต่มีผู้แทนมายื่นคำร้องอ้างเหตุอาการเจ็บป่วย ซึ่งถือเป็นเหตุจำเป็น ไม่อาจก้าวล่วง จึงให้เลื่อนอ่านคำพิพากษาศาลฎีกาคดีนี้อีกครั้งวันที่ 28 มีนาคมนี้ เวลา 09.30 น.