นายธนศักดิ์ วัฒนฐานะ ผู้ว่าการการประปานครหลวง (กปน.) เปิดเผยว่า สถานการณ์น้ำในขณะนี้ถือว่าอยู่ในปริมาณที่เพียงพอ สำหรับการผลิตน้ำประปาหรือเพื่อการเกษตร ซึ่งตอนนี้ไม่มีปัญหาน้ำในเขื่อนน้อยเหมือนปี 59 ที่ผ่านมา โดยปริมาณน้ำในเขื่อนเจ้าพระยาปัจจุบันมี 10,000 ล้านคิว ซึ่งมากกว่าปี 59 ถึง 6,000 ล้านคิว โดยในช่วงเดือน มี.ค.ปี 59 มีน้ำดิบในเขื่อนเจ้าพระยาเพียง 4,000 ล้านคิวเท่านั้น ดังนั้นจากการตรวจสอบปริมาณน้ำในเขื่อนต่างๆ เชื่อว่าในปี 60 จะไม่ประสบปัญหาน้ำน้อยไม่เพียงพอต่อการผลิตน้ำประปาเหมือนที่ผ่านมา โดยคาดว่าจะมีน้ำเพียงพอสำหรับผลิตน้ำดื่มน้ำใช้ ไปจนถึงช่วงต้นฤดูฝนประมาณเดือน มิ.ย. 60 และหากสภาพการอากาศมีการเปลี่ยนแปลง ส่งผลกระทบให้ฝนมาช้า กปน.มั่นใจว่า ยังมีน้ำดิบเพื่อนำมาผลิตน้ำประปา เพื่อบริการประชาชน
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าปริมาณน้ำในเขื่อนจะมีมากพอ แต่กปน.ต้องขอความร่วมมือจากประชาชนให้ใช้น้ำอย่างประหยัด โดยการตรวจเช็คสภาพท่อน้ำภายในบ้าน ไม่ให้รั่วซึม ปิดก็อกน้ำก่อนออกจากบ้านทุกครั้ง เพื่อเป็นการช่วยภาครัฐประหยัดน้ำ
นายธนศักดิ์ กล่าวต่อว่า ด้านปัญหาน้ำเค็ม ขณะนี้พบว่า ลิ่มความเค็มจะขึ้นสูงเป็นบางช่วงเท่านั้น โดยเฉพาะช่วงวันพระ ซึ่ง กปน.ยังคงใช้มาตรการเดิม คือหยุดสูบน้ำในช่วงเวลาดังกล่าว เพื่อไม่ให้ลิ่มความเค็มกระทบกับระบบการผลิตน้ำประปา พร้อมทั้งจะมีการแจ้งเตือนประชาชนทุกครั้ง
นอกจากนี้ กปน.ยังมีการเพิ่มขนาดถึงเก็บน้ำประปาให้มากขึ้น เพื่อสำรองน้ำกรณีที่ลิ่มความเค็มขึ้นสูงไม่สามารถผลิตน้ำได้ เพื่อให้เพียงพอต่อความต้องการใช้น้ำของประชาชน และ กปน.ยังขอความร่วมมือกับกรมชลประทานให้ปล่อยน้ำดิบเข้ามาไล่ลิ่มความเค็มให้มากขึ้นโดยอยู่ที่ประมาณ 85 ลูกบากศ์เมตรต่อวินาที
ทั้งนี้ในช่วงที่น้ำเค็มรุกสูง อาจจะกระทบต่อพืชผลทางการเกษตรของประชาชน ซึ่ง กปน.จะมีการแจ้งเตือนล่วงหน้า สำหรับประชาชนที่ทำการเกษตรในพื้นที่การให้บริการของการประปาในพื้นที่กรุงเทพมหานคร นนทบุรี และจังหวัดสมุทรปราการ ขณะนี้ยังสามารถทำการปลูกพืชได้ ตามปกติซึ่งกรมชลประทานได้มี การจัดสรรน้ำเพื่ออำนวยความสะดวกแก่ ประชาชนในการรักษาพืชผลทางการเกษตร
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าปริมาณน้ำในเขื่อนจะมีมากพอ แต่กปน.ต้องขอความร่วมมือจากประชาชนให้ใช้น้ำอย่างประหยัด โดยการตรวจเช็คสภาพท่อน้ำภายในบ้าน ไม่ให้รั่วซึม ปิดก็อกน้ำก่อนออกจากบ้านทุกครั้ง เพื่อเป็นการช่วยภาครัฐประหยัดน้ำ
นายธนศักดิ์ กล่าวต่อว่า ด้านปัญหาน้ำเค็ม ขณะนี้พบว่า ลิ่มความเค็มจะขึ้นสูงเป็นบางช่วงเท่านั้น โดยเฉพาะช่วงวันพระ ซึ่ง กปน.ยังคงใช้มาตรการเดิม คือหยุดสูบน้ำในช่วงเวลาดังกล่าว เพื่อไม่ให้ลิ่มความเค็มกระทบกับระบบการผลิตน้ำประปา พร้อมทั้งจะมีการแจ้งเตือนประชาชนทุกครั้ง
นอกจากนี้ กปน.ยังมีการเพิ่มขนาดถึงเก็บน้ำประปาให้มากขึ้น เพื่อสำรองน้ำกรณีที่ลิ่มความเค็มขึ้นสูงไม่สามารถผลิตน้ำได้ เพื่อให้เพียงพอต่อความต้องการใช้น้ำของประชาชน และ กปน.ยังขอความร่วมมือกับกรมชลประทานให้ปล่อยน้ำดิบเข้ามาไล่ลิ่มความเค็มให้มากขึ้นโดยอยู่ที่ประมาณ 85 ลูกบากศ์เมตรต่อวินาที
ทั้งนี้ในช่วงที่น้ำเค็มรุกสูง อาจจะกระทบต่อพืชผลทางการเกษตรของประชาชน ซึ่ง กปน.จะมีการแจ้งเตือนล่วงหน้า สำหรับประชาชนที่ทำการเกษตรในพื้นที่การให้บริการของการประปาในพื้นที่กรุงเทพมหานคร นนทบุรี และจังหวัดสมุทรปราการ ขณะนี้ยังสามารถทำการปลูกพืชได้ ตามปกติซึ่งกรมชลประทานได้มี การจัดสรรน้ำเพื่ออำนวยความสะดวกแก่ ประชาชนในการรักษาพืชผลทางการเกษตร