นายแพทย์เจษฎา โชคดำรงสุข อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวถึงกรณีที่กระทรวงสาธารณสุข กำหนดมาตรการห้ามแบ่งซองขายบุหรี่เป็นรายมวนในร่างกฎหมายฉบับใหม่ ว่า มาตรการดังกล่าวเป็นมาตรา 39 ในร่าง พ.ร.บ.ควบคุมผลิตภัณฑ์ยาสูบ พ.ศ. .... ซึ่งขณะนี้ได้ผ่านความเห็นชอบของสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ให้ประกาศใช้เป็นกฎหมายแล้ว
ทั้งนี้ กระทรวงสาธารณสุข จำเป็นต้องกำหนดมาตรการห้ามแบ่งซองขายบุหรี่เป็นรายมวน เพื่อป้องกันการเข้าถึงผลิตภัณฑ์ยาสูบได้โดยง่ายของเด็กและเยาวชน ซึ่งมาตรการนี้ยังเป็นมาตารการที่ถูกกำหนดไว้ในกรอบอนุสัญญาว่าด้วยการควบคุมยาสูบขององค์การอนามัยโลก (WHO-FCTC) ด้วย ซึ่งจากข้อมูลล่าสุดเมื่อเดือนกรกฎาคม 2559 ประเทศต่างๆ ทั่วโลกมากถึง 93 ประเทศ ได้กำหนดมาตรการ กฎหมายเกี่ยวกับการห้ามแบ่งซองขายบุหรี่เป็นรายมวนแล้ว ขณะที่ผลสำรวจโดยสำนักงานสถิติแห่งชาติ ปี 2554 พบว่าเด็กไทยช่วงอายุ 15–17 ปีที่สูบบุหรี่ ร้อยละ 88.3 ของเด็กที่สูบบุหรี่กลุ่มนี้ เริ่มต้นมาจากการซื้อบุหรี่แบ่งซองขายเป็นรายมวนมาสูบ และมีงานวิจัยจากหลายประเทศ ยืนยันว่าการแบ่งขายบุหรี่เป็นมวนทำให้เกิดค่านิยมที่ยอมรับการสูบบุหรี่ว่าเป็นเรื่องปกติ ส่วนการห้ามแบ่งขายบุหรี่เป็นมวนจะช่วยให้ผู้ที่ยังคงสูบบุหรี่แบบไม่ทุกวันหรือเป็นครั้งเป็นคราว ทำให้เลิกสูบได้ง่ายขึ้น ซึ่งในประเทศไทยเอง ก็มีผู้ที่สูบบุหรี่ในลักษณะนี้มากถึงล้านกว่าคน การห้ามแบ่งขายบุหรี่เป็นมวน จึงอาจทำให้คนกลุ่มนี้ตัดสินใจเลิกบุหรี่ได้มากขึ้น
ส่วนกรณีมีผู้กล่าวอ้างผ่านสื่อต่างๆ ว่า การซื้อบุหรี่แบบแบ่งขายเป็นมวน ทำให้เลิกสูบบุหรี่ง่ายขึ้นนั้น กรณีนี้ไม่เคยมีหลักฐานทางวิชาการปรากฏตามข้อกล่าวอ้างนี้ แต่กลับตรงกันข้าม ในงานวิจัยทางการแพทย์ พบว่า การที่คนสูบบุหรี่สามารถซื้อบุหรี่แบบแบ่งขายเป็นมวน กลับจะทำให้เลิกบุหรี่ได้ยากขึ้น เพราะเขาจะได้บุหรี่มาสูบทุกครั้งที่อยากสูบ แม้จะไม่มีเงินมากพอที่จะซื้อบุหรี่เป็นซองก็ตาม
ทั้งนี้ กระทรวงสาธารณสุข จำเป็นต้องกำหนดมาตรการห้ามแบ่งซองขายบุหรี่เป็นรายมวน เพื่อป้องกันการเข้าถึงผลิตภัณฑ์ยาสูบได้โดยง่ายของเด็กและเยาวชน ซึ่งมาตรการนี้ยังเป็นมาตารการที่ถูกกำหนดไว้ในกรอบอนุสัญญาว่าด้วยการควบคุมยาสูบขององค์การอนามัยโลก (WHO-FCTC) ด้วย ซึ่งจากข้อมูลล่าสุดเมื่อเดือนกรกฎาคม 2559 ประเทศต่างๆ ทั่วโลกมากถึง 93 ประเทศ ได้กำหนดมาตรการ กฎหมายเกี่ยวกับการห้ามแบ่งซองขายบุหรี่เป็นรายมวนแล้ว ขณะที่ผลสำรวจโดยสำนักงานสถิติแห่งชาติ ปี 2554 พบว่าเด็กไทยช่วงอายุ 15–17 ปีที่สูบบุหรี่ ร้อยละ 88.3 ของเด็กที่สูบบุหรี่กลุ่มนี้ เริ่มต้นมาจากการซื้อบุหรี่แบ่งซองขายเป็นรายมวนมาสูบ และมีงานวิจัยจากหลายประเทศ ยืนยันว่าการแบ่งขายบุหรี่เป็นมวนทำให้เกิดค่านิยมที่ยอมรับการสูบบุหรี่ว่าเป็นเรื่องปกติ ส่วนการห้ามแบ่งขายบุหรี่เป็นมวนจะช่วยให้ผู้ที่ยังคงสูบบุหรี่แบบไม่ทุกวันหรือเป็นครั้งเป็นคราว ทำให้เลิกสูบได้ง่ายขึ้น ซึ่งในประเทศไทยเอง ก็มีผู้ที่สูบบุหรี่ในลักษณะนี้มากถึงล้านกว่าคน การห้ามแบ่งขายบุหรี่เป็นมวน จึงอาจทำให้คนกลุ่มนี้ตัดสินใจเลิกบุหรี่ได้มากขึ้น
ส่วนกรณีมีผู้กล่าวอ้างผ่านสื่อต่างๆ ว่า การซื้อบุหรี่แบบแบ่งขายเป็นมวน ทำให้เลิกสูบบุหรี่ง่ายขึ้นนั้น กรณีนี้ไม่เคยมีหลักฐานทางวิชาการปรากฏตามข้อกล่าวอ้างนี้ แต่กลับตรงกันข้าม ในงานวิจัยทางการแพทย์ พบว่า การที่คนสูบบุหรี่สามารถซื้อบุหรี่แบบแบ่งขายเป็นมวน กลับจะทำให้เลิกบุหรี่ได้ยากขึ้น เพราะเขาจะได้บุหรี่มาสูบทุกครั้งที่อยากสูบ แม้จะไม่มีเงินมากพอที่จะซื้อบุหรี่เป็นซองก็ตาม