xs
xsm
sm
md
lg

สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวโปรดฯ ให้ผู้แทนพระองค์เสด็จในการเปิดมณฑลพิธีบำเพ็ญกุศลกงเต็ก

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

วันนี้ (28 ก.พ.) เวลา 13.30 น. สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้พลเรือเอก หม่อมเจ้าปุสาณ สวัสดิวัตน์ เป็นผู้แทนพระองค์ในการเปิดมณฑลพิธี เมื่อรถยนต์พระประเทียบถึงพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ในพระบรมมหาราชวัง รถยนต์พระประเทียบ เทียบที่ประตูกำแพงแก้วพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท เสด็จเข้าสู่มณฑลพิธี ทรงจุดธูปเทียนเครื่องนมัสการบูชาพระพุทธรูป ทรงกราบ ประทับพระเก้าอี้ ณ ทิมคด ทิศตะวันออก พระสงฆ์จีน 90 รูป สวดพระพุทธมนต์ อัญเชิญพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเสด็จลงมาประทับ (พระสงฆ์จีนประพรมน้ำพระพุทธมนต์รอบมณฑลพิธี เสร็จแล้ว) เย็นเต็ก ประธานสงฆ์จีนอ่านประกาศการบำเพ็ญกุศล (กงเต๊ก) (ประธานสงฆ์จีนบรรจุคำประกาศซึ่งมีพระปรมาภิไธยถวายลงในเทวทูตม้า) เจ้าพนักงานเชิญเทวทูตม้าเข้าถวายทรงอธิษฐาน แล้วประทานให้เจ้าพนักงานนำไปเผา พระสงฆ์จีนสวดพระพุทธมนต์ถวายพระสัมมาสัมพุทธเจ้า และพระมหาโพธิสัตว์

ต่อมา เวลา 14.00น. พระสงฆ์จีน 21 รูป ขึ้นพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท พลเรือเอก หม่อมเจ้าปุสาณ สวัสดิวัตน์ เสด็จตามพระสงฆ์จีนขึ้นพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ทรงจุดธูปเทียนเครื่องทองน้อยที่หน้าพระโกศพระบรมศพ ทรงกราบ ทรงจุดธูปเทียนเครื่องนมัสการบูชาพระพุทธรูป ทรงกราบ เสด็จไปถวายเครื่องเสวยคาว - หวาน ที่หน้าพระโกศพระบรมศพ ประทับพระเก้าอี้ พระสงฆ์จีนประพรมน้ำพระพุทธมนต์ และสวดพระพุทธมนต์ พร้อมประกาศอัญเชิญดวงพระวิญญาณ เสด็จมาสถิตย์ในธงพุ่ม แล้วสวดสังเวยพระกระยาหาร พระสงฆ์จีนลงจากพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท

ต่อมาพระสงฆ์จีน 21 รูป ขึ้นสู่พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท พลเรือเอกหม่อมเจ้า ปุสาณ สวัสดิวัตน์ ,หม่อมเจ้ามงคลเฉลิม ยุคล และพลโท หม่อมเจ้า เฉลิมศึก ยุคล ตามพระสงฆ์จีนขึ้นบนพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท พระสงฆ์จีนลงจากพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาททางบันไดหน้าพระที่นั่งด้านตะวันตกไปยังมณฑลพิธี หม่อมเจ้ามงคลเฉลิม ยุคล เชิญเครื่องทองน้อย พลโท หม่อมเจ้าเฉลิมศึก ยุคล เชิญธงพุ่มดวงพระวิญญาณ และพลเรือเอก หม่อมเจ้า ปุสาณ สวัสดิวัตน์ เสด็จตาม เชิญเครื่องทองน้อย และธงพุ่มดวงพระวิญญาณประดิษฐานหน้ามณฑลพิธี พระสงฆ์จีนสวดสังวัธเชิญเครื่องทองน้อยสำหรับหอสงฆ์เข้าถวาย พลเรือเอก หม่อมเจ้าปุสาณ สวัสดิวัตน์ ทรงจุดแล้วประทานให้เจ้าหน้าที่เชิญเข้าสู่หอสรง และพระสงฆ์จีนสวดพระพุทธมนต์ เมื่อพระสงฆ์จีนสวดพระพุทธมนต์จบ เจ้าหน้าที่เชิญเครื่องทองน้อยออกจากหอสงฆ์แล้วเชิญไปทอดที่เดิม พระสงฆ์จีน 21 รูป ขึ้นสู่พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท หม่อมเจ้ามงคลเฉลิม ยุคล เชิญเครื่องทองน้อย พลโทหม่อมเจ้าเฉลิมศึก ยุคล เชิญธงพุ่มดวงพระวิญญาณ และพลเรือเอกหม่อมเจ้าปุสาณ สวัสดิวัตน์ เสด็จตามขึ้นพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท เชิญเครื่องทองน้อยและธงพุ่มดวงพระวิญญาณประดิษฐานที่หน้าพระโกศพระบรมศพ พลเรือเอกหม่อมเจ้าปุสาณ สวัสดิวัตน์ ทรงจุดธูปเทียนเครื่องทองน้อยที่หน้าพระโกศ พระบรมศพ ทรงคม ประทับพระเก้าอี้ พระสงฆ์จีน 21 รูป สวดพระพุทธมนต์น เสร็จพิธีสรงน้ำดวงพระวิญญาณ

จากนั้น เวลา 15.00 น. พลเรือเอก หม่อมเจ้า ปุสาณ สวัสดิวัตน์ ทรงจุดธูปเทียนเครื่องนมัสการบูชาพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงกราบ พระสงฆ์จีน 21 รูป สวดสังวัธยายสุขาวดี วยูหสูตร จบ เสร็จสิ้นพิธี

และเวลา 16.00 น. พระสงฆ์จีน 15 รูป เดินนำไปยังท่าราชวรดิฐ (พลโทหม่อมเจ้าเฉลิมศึก ยุคล ตามเสด็จ) พลโทหม่อมเจ้าเฉลิมศึก ยุคล ทรงจุดธูปเทียนที่โต๊ะหมู่บูชา และทรงจุดเครื่องทองน้อย ทรงคม แล้วทรงยืน ณ ที่นั้น พระสงฆ์จีน 15 รูป สวดพระพุทธมนต์ เจ้าพนักงานเชิญเทวทูตม้าเข้าถวาย ทรงอธิษฐานและประทานเจ้าพนักงานนำไปเผา พระสงฆ์จีน 15 รูปสวดพระพุทธมนต์ปล่อยชีวิตสัตว์ พลโท หม่อมเจ้าเฉลิมศึก ยุคล ลอยกระทง ปล่อยนก และปล่อยปลาเสร็จพิธี

นายเศรษฐพงษ์ จงสงวน ประชาสัมพันธ์คณะสงฆ์จีนนิกาย เปิดเผยถึงความหมายของพิธีกงเต็กว่า เป็นพิธีกรรมตามคติพระพุทธศาสนาฝ่ายมหายาน ในการประกอบปัตติทานกุศล คือการอุทิศบุญกุศลถวายแด่ดวงพระวิญญาณ เพื่อเพิ่มพูนทิพยสุขในแดนสุขาวดีพุทธเกษตร ซึ่งในภาษาไทยก็คือการบำเพ็ญกุศลแด่บุพการี ผู้มีพระคุณ อันเป็นการแสดงความกตัญญูกตเวทีตอบแทนแด่บุคคลผู้มีพระคุณ อาทิ พระมหากษัตริย์ บิดามารดา ครู อาจารย์เป็นต้น ซึ่งคนทั่วไป จะใช้พระสงฆ์ในพิธีมากที่สุดเพียง 9 รูป แต่ในพระราชพิธีครั้งนี้มีพระสงฆ์จีนเข้าร่วม 90 รูป ตามพระชนมพรรษา ซึ่งชาวจีนจะนับอายุเพิ่ม 1 ปี จากอายุสากล ถือว่ามากที่สุดเท่าที่เคยมีมา โดยครั้งนี้มี พระมหาคณาจารย์จีนธรรมสมาธิวัตร เจ้าคณะใหญ่จีนนิกาย เจ้าอาวาสวัดโพธิ์แมนคุณาราม เป็นประธาน

นอกจากนี้ นายเศรษฐพงษ์ ยังได้กล่าวถึงเครื่องกระดาษที่นำมาใช้ ว่า แบ่งออกเป็น 2 ประเภท ได้แก่ เครื่องกระดาษสำหรับเผาอุทิศถวาย และเครื่องกระดาษสำหรับพิธีสงฆ์ โดยการทำเครื่องกระดาษในครั้งนี้ได้ระดมสรรพกำลังของลูกศิษย์คณะสงฆ์จีนนิกายทั้งหมดของประเทศไทย มาร่วมกันทำถวาย ใช้เวลาถึง 3 เดือน สำหรับเครื่องกระดาษที่จะเผาอุทิศถวายในครั้งนี้ ประกอบไปด้วย พระตำหนักเปี่ยมสุข วังไกลกังวล ซึ่งพระตำหนักได้จำลองเสมือนจริงมากที่สุดโดยอ้างอิงข้อมูลจากภาพถ่าย ภายในพระตำหนักประกอบไปด้วย สวน ข้าราชบริพารประจำประตูต่างๆ รถยนต์พระที่นั่ง ทั้งนี้จัดทำข้าราชบริพาร จำนวน 18 ตัว มีความสูงราว 80 เซนติเมตร ประกอบด้วยข้าราชองครักษ์ ทหารราชองครักษ์ คนรับใช้ชายหญิง ข้าราชการ จำลองจากชุดปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่จริง นอกจากนี้ยังมีภูเขาเงิน ภูเขาทอง ภูเขาเสริมพระบารมี มีลักษณะแบบจีน จะวางไว้ด้านข้างของพระตำหนัก และคลังเงินคลังทองสำหรับเก็บพระราชทรัพย์ส่วนพระองค์เพื่อใช้ในการพระราชกุศลต่างๆ รวมถึงมีหีบเงิน หีบทอง หีบเครื่องราชูปโภคกว่า 10 หีบ โดยออกแบบเน้นสีทองอันเป็นสีทิพย์ และมีลวดลายมังกร 5 เล็บ อันหมายถึงพระเจ้าแผ่นดิน ฮ่องเต้ แต่ละชิ้นทำจากโครงไม้ไผ่เป็นหลัก ใช้กระดาษสา กระดาษผิวเรียบ กระดาษเงินกระดาษทอง

นายเศรษฐพงษ์ กล่าวอีกว่า ภายในหีบเครื่องราชูปโภคนั้น ประกอบไปด้วยฉลองพระองค์หลากหลายรูปแบบ เช่น ฉลองพระองค์เชิ้ต ฉลองพระองค์สูท ซึ่งเครื่องกระดาษทั้งหมดนั้นเน้นถูกต้องตามประเพณี ไม่หวือหวาตามสมัยนิยม รวมถึงมีรถยนต์พระที่นั่ง และสุนัขทรงเลี้ยงด้วย นอกจากนี้ ในส่วนของเครื่องกระดาษที่ใช้ประกอบพิธีสงฆ์ จะประกอบไปด้วย ธงพุ่ม ซึ่งสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวพระราชทานฉลองพระองค์เครื่องแบบทหารคลุมธงพุ่ม ม้าเทวทูต และนกเทวทูต รวมทั้งภูเขาผัก ภูเขาอาหาร ซึ่งจะใช้ในพิธีเป็นของถวายพระโพธิสัตว์

นอกจากนี้ นายเศรษฐพงษ์ กล่าวว่า ในพิธีของสามัญชนทั่วไป จะจบพิธีกงเต็กที่การข้ามสะพานโอฆสงสาร แต่สำหรับพิธีพระบรมศพเจ้านาย จะเพิ่มลำดับพิธีโยคะตันตระ หรือพิธีทิ้งกระจาด เป็นการบำเพ็ญพระกุศลให้ครบถ้วนและเป็นการเจริญเมตตาจิต สร้างทานบารมีให้ครบทั้ง 6 ภูมิได้แก่ เทวดา มนุษย์ เปรต อสูร สัตว์นรก สัตว์เดรัจฉาน ทั้งนี้ได้จัดเตรียมเครื่องอุปโภคบริโภคต่างๆ ประกอบด้วยข้าวสาร 3000 ถุง น้ำตาล 1,000 กิโลกรัม เกลือ 300 ถุง น้ำดื่ม 1,000 ขวด บะหมี่สำเร็จรูป 200 ลัง เส้นหมี่ขาว 200 ลัง และขนมขบเคี้ยว 120 ลัง ซึ่งสิ่งเหล่านี้จะนำขึ้นทูลเกล้าฯ ถวายสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว โดยเสด็จพระราชกุศลต่อไป คล้ายคลึงกับงานทิ้งกระจาดในเทศกาลสารทจีน ตรุษจีน

สำหรับพิธีปล่อยนกปล่อยปลานี้ นายเศรษฐพงษ์ กล่าวว่า ในทางมหายานเป็นการเจริญเมตตาจิต เพราะสัตว์ต้องเวียนว่ายตายเกิด ทำให้คนจีนไม่กินเนื้อสัตว์ ครั้งนี้เน้นพันธุ์ปลาที่สามารถปล่อยลงแม่น้ำได้ หลายชนิดนับร้อยตัว โดยเจ้าหน้าที่ไปซื้อจากตลาด ซึ่งเป็นปลามีชีวิตที่กำลังจะจำหน่าย
กำลังโหลดความคิดเห็น