บรรยากาศการไว้อาลัยและกราบสักการะพระบรมศพ ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ในพระบรมมหาราชวัง วันนี้ (28 ก.พ.) เป็นวันที่ 118 ของการสักการะพระบรมศพ ตลอดทั้งวันมีพสกนิกรทุกหมู่เหล่าจากทั่วสารทิศของประเทศไทย เดินทางมารอต่อแถวเข้าถวายสักการะพระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ด้วยความสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดไม่ได้ อย่างไม่ขาดสาย
นางชญาดา เศวตนันทน์ หรือ โบว์ นักแสดงชื่อดัง ที่มาร่วมเป็นเจ้าภาพบำเพ็ญกุศลสวดพระอภิธรรมพระบรมศพ ในนามของ สมาคมนักเรียนเก่าอังกฤษในพระบรมราชูปถัมภ์ ในฐานะศิษย์เก่ามหาวิทยาลัยเซนต์มาร์ติน กล่าวว่า ปกติได้มีโอกาสเข้ามากราบสักการะพระบรมศพกับราชสกุลวรวรรณ ซึ่งคุณแม่ ม.ร.ว.สิริมาดา วรวรรณ เป็นสมาชิกราชสกุล ทุกครั้งที่ได้เดินออกจากพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ก็จะน้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณทุกๆ ครั้ง และอยากที่จะทำความดีอะไรสักอย่างให้กับคนอื่นทุกๆ ครั้ง ในชีวิตนี้เคยมีโอกาสได้รับเสด็จพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ในโอกาสที่พระองค์เสด็จฯ ไปยังวังประมวลเป็นการส่วนพระองค์ ได้มีโอกาสถวายพวงมาลัยและกราบพระบาท ก็รู้สึกเป็นที่สุดในชีวิต
"ส่วนตัวประทับใจในทุกคำสอนของในหลวงรัชกาลที่ 9 ทุกคำสอนของพระองค์มีคุณค่า และเป็นจุดเริ่มต้นให้เราคิดอยากทำความดี เช่น เราควรรู้จักเสียสละความสุขส่วนตัวเพื่อครอบครัวและส่วนรวม ดั่งที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวที่แม้ทรงงานหนัก แต่ยังทรงดูแลพระบรมวงศานุวงศ์ด้วยพระองค์เอง และดูแลประชาชน การได้ทำเพื่อส่วนรวมก็ถือเป็นความสุขใจ ตนเชื่อว่าหากถนัดสิ่งใดให้ทำสิ่งนั้น ทำความดีคนละเล็กละน้อยก็ช่วยเหลือประเทศได้มาก เช่นเดียวกับลูก ที่ตนจะทำเป็นตัวอย่าง แม้ว่าเขาจะยังเด็ก แต่ครอบครัวเราคอยติดตามพระราชกรณียกิจอยู่เสมอ ก็จะสอนเขาเรื่องในหลวง ร.9 เมื่อพระองค์เสด็จสวรรคตก็ได้ให้ลูกชายทำกิจกรรมจิตอาสาเล็กๆ น้อยๆ เพื่อให้เขาซึมซับเรื่องราวเหล่านี้ ซึ่งเชื่อว่าเมื่อลูกได้เห็นจะรู้สึกและรับรู้เรื่องนี้ได้ด้วยตัวเขาเอง เช่นเดียวกับตน"
ด้านนางสาวสวรรยา จงพึ่งกลาง อายุ 18 ปี นักเรียนชั้น ม.6 โรงเรียนราชโบริกานุเคราะห์ จ.ราชบุรี ที่เดินทางมากับคณะครูและนักเรียนกว่า 150 คน กล่าวว่า รู้สึกประทับใจและตื้นตันใจอย่างมากที่ได้เข้าไปกราบพระบรมศพ ที่บ้านไม่มีโอกาสได้มา ก็ถือได้ว่าเราเป็นตัวแทนคนแรก รู้สึกประทับใจในหลวงรัชกาลที่ 9 ที่ทรงงานหนักช่วยเหลือประชาชนตลอดมา อย่างเรื่องเกษตรกรรมก็มีโครงการพระราชดำริต่างๆ เช่น แกล้งดิน ส่วนตัวด้วยยังเด็กอยู่แม้จะทำอะไรไม่ได้มาก แต่ก็ยึดหลักเศรษฐกิจพอเพียงใช้ในชีวิตประจำวันมาตลอด
ด้าน น.ส.จันทิมา พัฒน์เงิน นักศึกษาชั้นปีที่ 1 มหาวิทยาลัยราชภัฏพระนคร คณะวิทยการจัดการ กล่าวภายหลังเข้าสักการะพระบรมศพและชมนิทรรศการเย็นศิระเพราะพระบริบาล ว่า มีโอกาสมากราบสักการะพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช เป็นครั้งที่ 2 วันนี้ใช้เวลารอไม่นาน ต่างจากครั้งแรกที่ใช้เวลาต่อแถวประมาณ 10 ชั่วโมง จึงเดินย้อนกลับมาที่สนามหลวงเพื่อชมนิทรรศการเย็นศิระเพราะพระบริบาลเป็นครั้งแรก
"ได้ชมนิทรรศการแล้วก็คิดถึงในหลวงรัชกาลที่ 9 ยิ่งได้เห็นพระราชกรณียกิจต่างๆ ที่พระองค์ทรงทำเพื่อคนไทยก็ยิ่งซาบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณ คิดว่าตัวเองโชคดีที่เกิดทันเห็นตอนที่พระองค์ทรงงาน จึงอยากแนะนำให้เยาวชนรุ่นใหม่มาชมนิทรรศการสักครั้ง แม้ชีวิตนี้จะไม่เคยมีโอกาสเฝ้าฯ รับเสด็จพระองค์ ด้วยความที่อาศัยอยู่จังหวัดกาญจนบุรี ซึ่งมีการเขื่อนแม่กลอง เขื่อนศรีนครินทร์ และเขื่อนศรีสวัสดิ์ ตามพระราชดำริ เพื่อให้ประชาชนมีน้ำกินน้ำใช้และทำการเกษตร ตัวเองและครอบครัวพลอยได้รับประโยชน์จากพระเมตตา จึงมีน้ำใช้สอยไม่ขาด" น.ส.จันทิมากล่าว
นางชญาดา เศวตนันทน์ หรือ โบว์ นักแสดงชื่อดัง ที่มาร่วมเป็นเจ้าภาพบำเพ็ญกุศลสวดพระอภิธรรมพระบรมศพ ในนามของ สมาคมนักเรียนเก่าอังกฤษในพระบรมราชูปถัมภ์ ในฐานะศิษย์เก่ามหาวิทยาลัยเซนต์มาร์ติน กล่าวว่า ปกติได้มีโอกาสเข้ามากราบสักการะพระบรมศพกับราชสกุลวรวรรณ ซึ่งคุณแม่ ม.ร.ว.สิริมาดา วรวรรณ เป็นสมาชิกราชสกุล ทุกครั้งที่ได้เดินออกจากพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ก็จะน้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณทุกๆ ครั้ง และอยากที่จะทำความดีอะไรสักอย่างให้กับคนอื่นทุกๆ ครั้ง ในชีวิตนี้เคยมีโอกาสได้รับเสด็จพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ในโอกาสที่พระองค์เสด็จฯ ไปยังวังประมวลเป็นการส่วนพระองค์ ได้มีโอกาสถวายพวงมาลัยและกราบพระบาท ก็รู้สึกเป็นที่สุดในชีวิต
"ส่วนตัวประทับใจในทุกคำสอนของในหลวงรัชกาลที่ 9 ทุกคำสอนของพระองค์มีคุณค่า และเป็นจุดเริ่มต้นให้เราคิดอยากทำความดี เช่น เราควรรู้จักเสียสละความสุขส่วนตัวเพื่อครอบครัวและส่วนรวม ดั่งที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวที่แม้ทรงงานหนัก แต่ยังทรงดูแลพระบรมวงศานุวงศ์ด้วยพระองค์เอง และดูแลประชาชน การได้ทำเพื่อส่วนรวมก็ถือเป็นความสุขใจ ตนเชื่อว่าหากถนัดสิ่งใดให้ทำสิ่งนั้น ทำความดีคนละเล็กละน้อยก็ช่วยเหลือประเทศได้มาก เช่นเดียวกับลูก ที่ตนจะทำเป็นตัวอย่าง แม้ว่าเขาจะยังเด็ก แต่ครอบครัวเราคอยติดตามพระราชกรณียกิจอยู่เสมอ ก็จะสอนเขาเรื่องในหลวง ร.9 เมื่อพระองค์เสด็จสวรรคตก็ได้ให้ลูกชายทำกิจกรรมจิตอาสาเล็กๆ น้อยๆ เพื่อให้เขาซึมซับเรื่องราวเหล่านี้ ซึ่งเชื่อว่าเมื่อลูกได้เห็นจะรู้สึกและรับรู้เรื่องนี้ได้ด้วยตัวเขาเอง เช่นเดียวกับตน"
ด้านนางสาวสวรรยา จงพึ่งกลาง อายุ 18 ปี นักเรียนชั้น ม.6 โรงเรียนราชโบริกานุเคราะห์ จ.ราชบุรี ที่เดินทางมากับคณะครูและนักเรียนกว่า 150 คน กล่าวว่า รู้สึกประทับใจและตื้นตันใจอย่างมากที่ได้เข้าไปกราบพระบรมศพ ที่บ้านไม่มีโอกาสได้มา ก็ถือได้ว่าเราเป็นตัวแทนคนแรก รู้สึกประทับใจในหลวงรัชกาลที่ 9 ที่ทรงงานหนักช่วยเหลือประชาชนตลอดมา อย่างเรื่องเกษตรกรรมก็มีโครงการพระราชดำริต่างๆ เช่น แกล้งดิน ส่วนตัวด้วยยังเด็กอยู่แม้จะทำอะไรไม่ได้มาก แต่ก็ยึดหลักเศรษฐกิจพอเพียงใช้ในชีวิตประจำวันมาตลอด
ด้าน น.ส.จันทิมา พัฒน์เงิน นักศึกษาชั้นปีที่ 1 มหาวิทยาลัยราชภัฏพระนคร คณะวิทยการจัดการ กล่าวภายหลังเข้าสักการะพระบรมศพและชมนิทรรศการเย็นศิระเพราะพระบริบาล ว่า มีโอกาสมากราบสักการะพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช เป็นครั้งที่ 2 วันนี้ใช้เวลารอไม่นาน ต่างจากครั้งแรกที่ใช้เวลาต่อแถวประมาณ 10 ชั่วโมง จึงเดินย้อนกลับมาที่สนามหลวงเพื่อชมนิทรรศการเย็นศิระเพราะพระบริบาลเป็นครั้งแรก
"ได้ชมนิทรรศการแล้วก็คิดถึงในหลวงรัชกาลที่ 9 ยิ่งได้เห็นพระราชกรณียกิจต่างๆ ที่พระองค์ทรงทำเพื่อคนไทยก็ยิ่งซาบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณ คิดว่าตัวเองโชคดีที่เกิดทันเห็นตอนที่พระองค์ทรงงาน จึงอยากแนะนำให้เยาวชนรุ่นใหม่มาชมนิทรรศการสักครั้ง แม้ชีวิตนี้จะไม่เคยมีโอกาสเฝ้าฯ รับเสด็จพระองค์ ด้วยความที่อาศัยอยู่จังหวัดกาญจนบุรี ซึ่งมีการเขื่อนแม่กลอง เขื่อนศรีนครินทร์ และเขื่อนศรีสวัสดิ์ ตามพระราชดำริ เพื่อให้ประชาชนมีน้ำกินน้ำใช้และทำการเกษตร ตัวเองและครอบครัวพลอยได้รับประโยชน์จากพระเมตตา จึงมีน้ำใช้สอยไม่ขาด" น.ส.จันทิมากล่าว