นายจักรกฤศฏิ์ พาราพันธกุล อธิบดีกรมธนารักษ์ กล่าวว่า เหรียญกษาปณ์ที่ระลึก 2 โอกาสสุดท้าย ในรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ซึ่งผลิตชนิดละ 5 แสนเหรียญ สำหรับผู้ที่ประสงค์จะขอแลกเหรียญกษาปณ์ที่ระลึกทั้ง 2 วาระ สามารถขอแลกได้ตั้งแต่วันที่ 1 2 3 6 และวันที่ 7 มีนาคมนี้ ตั้งแต่เวลา 08.00 - 18.00 น.ได้ที่ส่วนกลาง หน่วยรับและจ่ายแลกเหรียญกษาปณ์ สำนักบริหารเงินตรา ถนนจักรพงษ์ กรุงเทพฯ หน่วยจ่ายแลกเหรียญกษาปณ์ กรมธนารักษ์ ถนนพระราม 6 กรุงเทพฯ และหน่วยรับและจ่ายแลกเหรียญกษาปณ์ สำนักบริหารเงินตรา ถนนพหลโยธิน จังหวัดปทุมธานี
ขณะที่ส่วนภูมิภาครับแลกได้ที่สำนักงานธนารักษ์พื้นที่ 76 พื้นที่ ทุกจังหวัดทั่วประเทศ โดยกรมธนารักษ์จะจัดจ่ายให้กับประชาชนรายละ 1 ชุดๆ ละ 5 เหรียญ ประกอบด้วย เหรียญกษาปณ์ที่ระลึก AEC จำนวน 2 เหรียญ เหรียญกษาปณ์ที่ระลึก 100 ปี การสหกรณ์ไทย จำนวน 2 เหรียญ และเหรียญกษาปณ์ที่ระลึก 50 ปี ฝนหลวงพระราชทาน จำนวน 1 เหรียญ มูลค่า 100 บาท โดยประชาชนต้องนำบัตรประชาชนมายืนยันในการรับแลกเหรียญด้วย
ด้าน นายจักรกฤศฏิ์ กล่าวว่า สัดส่วนกระจายเหรียญแบ่งเป็นส่วนกลาง 40% และต่างจังหวัด 60% จำนวน 1.5 แสนชุด การจัดสรรให้แต่ละจังหวัดจะยึดตามจำนวนประชากร โดยจังหวัดที่รับจัดสรรมากที่สุด คือ จ.นครราชสีมา จำนวน 4,053 ชุด จังหวัดที่น้อยสุดคือ จ.ระนอง 269 ชุด และกรุงเทพฯ ได้รับการจัดสรร 6 หมื่นชุด
ขณะที่ส่วนภูมิภาครับแลกได้ที่สำนักงานธนารักษ์พื้นที่ 76 พื้นที่ ทุกจังหวัดทั่วประเทศ โดยกรมธนารักษ์จะจัดจ่ายให้กับประชาชนรายละ 1 ชุดๆ ละ 5 เหรียญ ประกอบด้วย เหรียญกษาปณ์ที่ระลึก AEC จำนวน 2 เหรียญ เหรียญกษาปณ์ที่ระลึก 100 ปี การสหกรณ์ไทย จำนวน 2 เหรียญ และเหรียญกษาปณ์ที่ระลึก 50 ปี ฝนหลวงพระราชทาน จำนวน 1 เหรียญ มูลค่า 100 บาท โดยประชาชนต้องนำบัตรประชาชนมายืนยันในการรับแลกเหรียญด้วย
ด้าน นายจักรกฤศฏิ์ กล่าวว่า สัดส่วนกระจายเหรียญแบ่งเป็นส่วนกลาง 40% และต่างจังหวัด 60% จำนวน 1.5 แสนชุด การจัดสรรให้แต่ละจังหวัดจะยึดตามจำนวนประชากร โดยจังหวัดที่รับจัดสรรมากที่สุด คือ จ.นครราชสีมา จำนวน 4,053 ชุด จังหวัดที่น้อยสุดคือ จ.ระนอง 269 ชุด และกรุงเทพฯ ได้รับการจัดสรร 6 หมื่นชุด