นายณัฐพร จาตุศรีพิทักษ์ ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีวันนี้ (21 ก.พ.) ได้อนุมัติโครงการสินเชื่อรายย่อยเพื่อใช้จ่ายฉุกเฉิน ซึ่งเสนอโดยกระทรวงการคลัง
โครงการนี้เป็นหนึ่งในโครงการของแพคเกจใหญ่เพื่อทำให้หนี้นอกระบบหมดไปจากประเทศไทย วงเงินสินเชื่อรวม 10,000 ล้านบาท แบ่งเป็น วงเงินสินเชื่อจากธนาคารออมสินไม่เกิน 5,000 ล้านบาท และธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) วงเงินไม่เกิน 5,000 ล้านบาท ซึ่งผู้มีรายได้น้อย สามารถกู้ในวงเงินไม่เกิน 50,000 บาทต่อราย ระยะเวลากู้ภายใน 1 ปี กู้ยืมไม่เกิน 5 ปี อัตราดอกเบี้ยคงที่ไม่เกินร้อยละ 0.85 ต่อเดือน หรือประมาณร้อยละ 10 ต่อปี โดยจะพิจารณาจากความฉุกเฉินและความจำเป็นในการใช้เงิน ต้องมีบุคคลค้ำประกันอย่างน้อย 1 คน หรือมีหลักทรัพย์ค้ำประกัน สามารถยื่นขอสินเชื่อได้ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปภายในระยะเวลา 1 ปี
ทั้งนี้ รัฐบาลพร้อมชดเฉยค่าเสียหายหากเกิดหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) โดยที่ 25% แรก จะชดเชยให้ 100% ตั้งแต่ 25-37.5% รัฐจะชดเชย 70% และมากกว่า 37.5 แต่ไม่เกิน 50% รัฐจะชดเชยครึ่งหนึ่ง ดังนั้นรัฐจะรับความเสียหายไม่เกินวงเงิน 4,000 ล้านบาท
โครงการนี้เป็นหนึ่งในโครงการของแพคเกจใหญ่เพื่อทำให้หนี้นอกระบบหมดไปจากประเทศไทย วงเงินสินเชื่อรวม 10,000 ล้านบาท แบ่งเป็น วงเงินสินเชื่อจากธนาคารออมสินไม่เกิน 5,000 ล้านบาท และธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) วงเงินไม่เกิน 5,000 ล้านบาท ซึ่งผู้มีรายได้น้อย สามารถกู้ในวงเงินไม่เกิน 50,000 บาทต่อราย ระยะเวลากู้ภายใน 1 ปี กู้ยืมไม่เกิน 5 ปี อัตราดอกเบี้ยคงที่ไม่เกินร้อยละ 0.85 ต่อเดือน หรือประมาณร้อยละ 10 ต่อปี โดยจะพิจารณาจากความฉุกเฉินและความจำเป็นในการใช้เงิน ต้องมีบุคคลค้ำประกันอย่างน้อย 1 คน หรือมีหลักทรัพย์ค้ำประกัน สามารถยื่นขอสินเชื่อได้ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปภายในระยะเวลา 1 ปี
ทั้งนี้ รัฐบาลพร้อมชดเฉยค่าเสียหายหากเกิดหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) โดยที่ 25% แรก จะชดเชยให้ 100% ตั้งแต่ 25-37.5% รัฐจะชดเชย 70% และมากกว่า 37.5 แต่ไม่เกิน 50% รัฐจะชดเชยครึ่งหนึ่ง ดังนั้นรัฐจะรับความเสียหายไม่เกินวงเงิน 4,000 ล้านบาท