บรรยากาศในพระบรมมหาราชวัง ซึ่งเปิดให้ประชาชนเข้าถวายสักการะพระบรมศพเป็นวันที่ 105 ในวันนี้ (15 ก.พ.) ตลอดทั้งวันยังคงมีประชาชนจากทั่วทุกสารทิศทั้งกรุงเทพฯ และต่างจังหวัดเดินทางมาสักการะพระบรมศพเบื้องหน้าพระบรมโกศอย่างเนืองแน่น ด้วยความสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณโดยทุกคนต่างแต่งกายด้วยชุดดำเรียบร้อยจำนวนมากเพื่อต่อแถวอย่างเป็นระเบียบเพื่อขึ้นสู่พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ด้วยความสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ โดยเจ้าหน้าที่ได้เปิดประตูให้ประชาชนเดินแถวเข้าตั้งแต่เวลา 04.50 น.ก่อนเปลี่ยนเข้าทางประตูมณีนพรัตน์ ถนนหน้าพระลาน เวลา 08.30 น. เพื่อเปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าชมวัดพระศรีรัตนศาสดาราม ทางประตูวิเศษไชยศรี
นายศักดา หอมนวล พนักงาน อบต.ตะคร้ำเอน จ.กาญจนบุรี กล่าวว่า อบต.ตะคร้ำเอน ได้พาประชาชนในพื้นที่ 189 คนเดินทางมาร่วมถวายความอาลัยมาเป็นครั้งแรก ด้วยซาบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณที่ทรงพระราชทานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ อาทิเช่น อ่างเก็บน้ำห้วยองคต เขื่อนวชิราลงกรณ์ เขื่อนศรีนครินทร์ เพื่อช่วยเหลือเกษตรกร จ.กาญจนบุรี ให้มีน้ำกินน้ำใช้ในการทำไรทำนาและเลี้ยงสัตว์ และโครงการพัฒนาในด้านอื่นๆ ด้วย
ด้านนายสาธิต ตุมรสุนทร พนักงาน อบต.ตะคร้ำเอน กล่าวเสริมว่า ในหลวงรัชกาลที่ 9 ทรงมีพระมหากรุณาธิคุณต่อชาว จ.กาญจนบุรี ซึ่งไม่รู้ว่าจะหาคำใดมาเปียบเทียบได้ และเมื่อวันที่ 5 ธันวาคม 2559 ชาว จ.กาญจนบุรี ได้ร่วมแปลอักษรถวายความอาลัยต่อการเสด็จสวรรคตของพระองค์ และวันที่ 16-25 มกราคม 2560 ชาว จ.กาญจนบุรี ได้ร่วมอุปสมบท จำนวน 139 รูป ในโอกาสครบรอบ 100 วัน ถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช และวันนี้พวกเราชาว จ.กาญจนบุรี มีความตั้งใจเหมือนกับคนไทยทั้งประเทศ ที่อยากเดินทางมากราบถวายบังคมพระบรมศพต่อในหลวงรัชการที่ 9 อันเป็นที่รักและศรัทธายิ่งของปวงชนชาวไทยทุกคน
ขณะที่น.ส.ซูไรดา เจ๊ะแย นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 โรงเรียนทุ่งยางแดงพิทยาคม อ.ทุ่งยางแดง จ.ปัตตานี กล่าวว่า เดินทางมาพร้อมกับเพื่อนนักเรียนและชาวบ้านใน ต.น้ำดำ และต.พิเทน พึ่งเดินทางมาเป็นครั้งแรกรู้สึกดีใจมากเพราะอยากเดินทางมาร่วมแสดงความอาลัยต่อในหลวง ร.9 ที่พระบรมมหาราชวังครั้งหนึ่งในชีวิต ถึงแม้พวกเราจะนับถือศาสนาอิสลามแต่ก็มีความเคารพรักในหลวง ร.9 ท่านทรงช่วยเหลือ ซึ่งใน จ.ปัตตานี้ มีการอบรมให้ความรู้เกี่ยวกับหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ทั้งการปลูกพืชผัก การปลูกสวนทุเรียน ลองกอง เลี้ยงปลา ทอผ้าของชาวมิสลิม และถักกระเป๋า ทำให้ชาวบ้านมีอาชีพ
น.ส.สุนัน มิตย์มาศ ชาว จ.นครศรีธรรมราช อายุ 56 ปี กล่าวด้วยรอยยอ้มปนน้ำตาทุกครั้งที่ได้เข้ามากราบสักการะพระบรมศพ โดยในวันนี้นับเป็นครั้งที่ 40 จากความตั้งใจที่จะเข้ากราบให้ครบ 89 ครั้ง ตามพระชนมพรรษาพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช และตามเลขท้ายบัตรประจำตัวประชาชนของตัวเอง
ด้าน นางศิริลักษณ์ ทองเฟื้อง อายุ 40 ปี จาก จ.สกลนคร เดินทางมาพร้อมลูกชายตัวน้อย มาต่อแถวประมาณตี 4 ครึ่ง เมื่อได้เข้าไปก้มกราบพระบรมศพ เจ้าตัวเผยว่าดีใจที่ได้มาทำหน้าที่ลูกของพ่อหลวงรัชกาลที่ 9 มากราบลาและขอบคุณี่ทรงดูแลคนไทยมาอย่างดี ด้วยสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ และดีใจมาที่มีโอกาสพาลูกชายมาด้วย แม้จะยังเด็กมาก คงยังไม่เข้าใจว่ามาทำไม แต่เชื่อว่าโตมาเด็กจะจำได้ว่าเคยมาที่นี่ มากราบลาปู่หลวงตามที่ที่บ้านสอนให้เขาเรียก เวลาเห็นรูปพระองค์ท่านที่บ้านและสถานที่ต่างๆ
นายศักดา หอมนวล พนักงาน อบต.ตะคร้ำเอน จ.กาญจนบุรี กล่าวว่า อบต.ตะคร้ำเอน ได้พาประชาชนในพื้นที่ 189 คนเดินทางมาร่วมถวายความอาลัยมาเป็นครั้งแรก ด้วยซาบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณที่ทรงพระราชทานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ อาทิเช่น อ่างเก็บน้ำห้วยองคต เขื่อนวชิราลงกรณ์ เขื่อนศรีนครินทร์ เพื่อช่วยเหลือเกษตรกร จ.กาญจนบุรี ให้มีน้ำกินน้ำใช้ในการทำไรทำนาและเลี้ยงสัตว์ และโครงการพัฒนาในด้านอื่นๆ ด้วย
ด้านนายสาธิต ตุมรสุนทร พนักงาน อบต.ตะคร้ำเอน กล่าวเสริมว่า ในหลวงรัชกาลที่ 9 ทรงมีพระมหากรุณาธิคุณต่อชาว จ.กาญจนบุรี ซึ่งไม่รู้ว่าจะหาคำใดมาเปียบเทียบได้ และเมื่อวันที่ 5 ธันวาคม 2559 ชาว จ.กาญจนบุรี ได้ร่วมแปลอักษรถวายความอาลัยต่อการเสด็จสวรรคตของพระองค์ และวันที่ 16-25 มกราคม 2560 ชาว จ.กาญจนบุรี ได้ร่วมอุปสมบท จำนวน 139 รูป ในโอกาสครบรอบ 100 วัน ถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช และวันนี้พวกเราชาว จ.กาญจนบุรี มีความตั้งใจเหมือนกับคนไทยทั้งประเทศ ที่อยากเดินทางมากราบถวายบังคมพระบรมศพต่อในหลวงรัชการที่ 9 อันเป็นที่รักและศรัทธายิ่งของปวงชนชาวไทยทุกคน
ขณะที่น.ส.ซูไรดา เจ๊ะแย นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 โรงเรียนทุ่งยางแดงพิทยาคม อ.ทุ่งยางแดง จ.ปัตตานี กล่าวว่า เดินทางมาพร้อมกับเพื่อนนักเรียนและชาวบ้านใน ต.น้ำดำ และต.พิเทน พึ่งเดินทางมาเป็นครั้งแรกรู้สึกดีใจมากเพราะอยากเดินทางมาร่วมแสดงความอาลัยต่อในหลวง ร.9 ที่พระบรมมหาราชวังครั้งหนึ่งในชีวิต ถึงแม้พวกเราจะนับถือศาสนาอิสลามแต่ก็มีความเคารพรักในหลวง ร.9 ท่านทรงช่วยเหลือ ซึ่งใน จ.ปัตตานี้ มีการอบรมให้ความรู้เกี่ยวกับหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ทั้งการปลูกพืชผัก การปลูกสวนทุเรียน ลองกอง เลี้ยงปลา ทอผ้าของชาวมิสลิม และถักกระเป๋า ทำให้ชาวบ้านมีอาชีพ
น.ส.สุนัน มิตย์มาศ ชาว จ.นครศรีธรรมราช อายุ 56 ปี กล่าวด้วยรอยยอ้มปนน้ำตาทุกครั้งที่ได้เข้ามากราบสักการะพระบรมศพ โดยในวันนี้นับเป็นครั้งที่ 40 จากความตั้งใจที่จะเข้ากราบให้ครบ 89 ครั้ง ตามพระชนมพรรษาพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช และตามเลขท้ายบัตรประจำตัวประชาชนของตัวเอง
ด้าน นางศิริลักษณ์ ทองเฟื้อง อายุ 40 ปี จาก จ.สกลนคร เดินทางมาพร้อมลูกชายตัวน้อย มาต่อแถวประมาณตี 4 ครึ่ง เมื่อได้เข้าไปก้มกราบพระบรมศพ เจ้าตัวเผยว่าดีใจที่ได้มาทำหน้าที่ลูกของพ่อหลวงรัชกาลที่ 9 มากราบลาและขอบคุณี่ทรงดูแลคนไทยมาอย่างดี ด้วยสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ และดีใจมาที่มีโอกาสพาลูกชายมาด้วย แม้จะยังเด็กมาก คงยังไม่เข้าใจว่ามาทำไม แต่เชื่อว่าโตมาเด็กจะจำได้ว่าเคยมาที่นี่ มากราบลาปู่หลวงตามที่ที่บ้านสอนให้เขาเรียก เวลาเห็นรูปพระองค์ท่านที่บ้านและสถานที่ต่างๆ