xs
xsm
sm
md
lg

สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว สถาปนาสมเด็จพระมหามุนีวงศ์ เป็นสมเด็จพระสังฆราช พระองค์ที่ 20

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ในการพระราชพิธีสถาปนาสมเด็จพระมหามุนีวงศ์ วัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม เป็นสมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก พระองค์ที่ 20 วันที่ 12 กุมภาพันธ์ 2560 สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จพระราชดำเนินโดยรถยนต์พระที่นั่งจากพระที่นั่งอัมพรสถาน พระราชวังดุสิต ไปยังพระอุโบสถวัดพระศรีรัตนศาสดาราม ในพระบรมมหาราชวัง โดยเข้าทางประตูวิเศษไชยศรี
เวลา 18.34 น.รถยนต์พระที่นั่งเทียบที่ประตูเกย หลังวัดพระศรีรัตนศาสดาราม เสด็จเข้าพระอุโบสถ สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จฯ ไปทรงจุดธูปเทียนท้ายที่นั่งบูชาพระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากร พระสัมพุทธพรรณี พระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก พระพุทธเลิศหล้านภาลัย จากนั้นเสด็จฯ ไปที่อาสน์สงฆ์ ทรงประเคนผ้าไตรแด่สมเด็จพระราชาคณะ 6 รูป และพระราชาคณะที่ดำรงตำแหน่งกรรมการมหาเถรสมาคม 12 รูป รวม 18 รูป
สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงรับการถวายความเคารพของผู้มาเฝ้าฯ ประทับพระราชอาสน์ สมเด็จพระมหามุนีวงศ์ ลงจากอาสน์สงฆ์ ไปครองผ้าที่ในพระฉาก จากนั้นกรรมการมหาเถรสมาคม ออกจากพระอุโบสถ ไปครองผ้าที่พระระเบียงข้างพระอุโบสถ เมื่อครองผ้าเสร็จแล้ว กลับเข้ามานั่งยังอาสน์สงฆ์ สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงจุดธูปเทียนเครื่องนมัสการบูชาพระรัตนตรัย ทรงกราบ ประทับพระราชอาสน์ที่เดิม เจ้าหน้าที่กองศาสนูปถัมภ์ กรรมการศาสนา นิมนต์พระกรรมการมหาเถรสมาคมไปนั่งที่อาสน์สงฆ์กลางพระอุโบสถ ทรงศีล สมเด็จพระราชาคณะถวายศีลจบ สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้อาลักษณ์ กองอาลักษณ์ และเครื่องราชอิสริยาภรณ์ สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีอ่านประกาศกระแสพระราชโองการสถาปนาสมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก

ใจความว่า บัดนี้เป็นที่ประจักษ์ว่าสมเด็จพระมหามุนีวงศ์ เป็นผู้เจริญยิ่งด้วยพรรษายุกาล รัตตัญญูมหาสถาวีรธรรม ยินดีในเนกขัมมปฏิบัติ ทั้งคันถธุระ และวิปัสสนาธุระ เป็นอจลพรหมจริยาภิรัต ดำรงมั่นในไตรสิกขามิได้เสื่อมถอย มีจริยาการสำรวมเรียบร้อย ไม่หวั่นไหวต่อโลกามิส เป็นคุรฐานียบัณฑิต ผู้มีกิตติประวัติอันผ่องแผ้ว สงเคราะห์พุทธบริษัท ปกครองคณะสงฆ์ เป็นอุปัธยาจารย์ของมหาชนมากมาย มีศิษยานุศิษย์แพร่หลายไพร่ศาล เป็นที่เคารพสักกรานแห่งมวลพุทธศาสนิก บริษัททั่วสังฆมณฑล ตลอดจนประชาราษฎร์ทั่วไป สมควรจะได้สถาปนาขึ้นเป็นสมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ประธานาธิบดีแห่งสังฆมณฑล เพื่อเป็นศรีศุภมงคลแห่งพระบวรพุทธศาสนาสืบไป

จึงมีพระราชโองการโปรดสถาปนา สมเด็จพระมหามุนีวงศ์ขึ้นเป็น สมเด็จพระสังฆราช มีพระนามตามที่จารึกในพระสุพรรณบัฏว่า “สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สุขุมธรรมวิธานธำรง สกลมหาสงฆปริณายก ตรีปิฎกธราจารย อัมพราภิธานสังฆวิสุต ปาพจนุตตมสาสนโสภณ กิตตินิรมลคุรุฐานียบัณฑิต วชิราลงกรณนริศรปสันนาภิสิตประกาศ วิสารทนาถธรรมทูตาภิวุฒ ทศมินทรสมมุติปฐมสกลคณาธิเบศร ปวิธเนตโยภาสวาสนวงศวิวัฒ พุทธบริษัทคารวสถาน วิบูลสีลสมาจารวัตรวิปัสสนสุนทร ชินวรมหามุนีวงศานุศิษฏ บวรธรรมบพิตร สมเด็จพระสังฆราช” เสด็จสถิต ณ วัดราชบพิธสถิตมหาสีมารามราชวรวิหาร พระอารามหลวง กรุงเทพฯ เป็นประธานในสังฆมณฑลทั่วราชอาณาจักร

ขออาราธนาให้ทรงรับธุระพระพุทธศาสนา เป็นภาระสั่งสอน ช่วยระงับอธิกรณ์และอนุเคราะห์พระภิกษุสามเณรในสังฆมณฑลทั่วไป โดยสมควรแก่พระอิสริยยศซึ่งพระราชทานนี้ ทรงเจริญพระชนมายุ วรรณะ สุข พล ปฏิภาณ คุณสารสิริสวัสดิ์ จิรัฏฐิติวิรุฬหิไพบูลย์ในพระพุทธศาสนา เทอญ

จากนั้นสมเด็จพระมหามุนีวงศ์ ได้รับสถาปนาเป็นสมเด็จพระสังฆราช พระองค์ที่ 20 เสด็จประทับที่อาสน์สงฆ์ซึ่งปูลาดไว้ด้านหน้า สมเด็จพระวันรัตกล่าว "สงฺฆราชฏฺฐปนานุโมทนา" แล้วสมเด็จพระธีรญาณมุนีนำสวด "โส อตฺถลทฺโธ" เสร็จแล้วสมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายกเสด็จไปประทับที่อาสน์สงฆ์ พร้อมด้วยพระกรรมการมหาเถรสมาคม ณ ท่ามกลางสังมณฑล ซึ่งมีเจ้าคณะใหญ่ เจ้าคณะภาคและเจ้าคณะจังหวัด สวดรับพร้อมกันจบแล้ว
สมเด็จพระสังฆราช เสด็จจากอาสน์สงฆ์กลางพระอุโบสถไปประทับ ณ อาสนะ ซึ่งปูลาดไว้ข้างพระแท่นเศวตฉัตร หัวอาสน์สงฆ์สังคมณฑล อธิบดีกรมการศาสนาเป็นผู้กราบทูลนำเสด็จประทับ พระกรรมการมหาเถระสมาคมตามไปนั่งที่อาสน์สงฆ์สังฆมณทลพร้อมแล้ว สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จฯ ไปถวายน้ำพระมหาสังข์ทักษิณาวัฏแด่สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปรินายก สมเด็จพระสังฆราชทรงแบพระหัตถ์โดยมีพานแก้วรองรับ
ขณะนั้น พระสงฆ์ในสังคมณฑลเจริญชัยมงคลคาถา โหรหลวงลั่นฆ้องชัย พราหมณ์เป่าสังข์ ภูษามาลาแกว่งบัณเฑาะว์ เจ้าพนักงานประโคมสังข์ แตร ดุริยางค์ พระสงฆ์ตามพระอารามทั่วราชอาณาจักร ซึ่งชุมนุมในพระอุโบสถเจริญชัยมงคลคาถา และย่ำระฆัง โดยมีนายปรีชาญ อินทรไพโรจน์ ผู้อำนวยการพระคลังข้างที่ รักษาการในตำแหน่ง ผู้อำนวยการวัดพระศรีรัตนศาสดาราม เป็นผู้รับหน้าที่ย่ำระฆัง ณ หอระฆัง วัดพระศรีรัตนศาสดาราม ในพระบรมมหาราชวัง การย่ำระฆังครั้งนี้ ใช้ไม้เหง้าจากไผ่ตง "ตี 3 ลา" อันเป็นจังหวะจากช้าไปเร็ว เมื่อจบการตีแล้วจะย่ำระฆังเป็นจังหวะสม่ำเสมอจำนวน 20 ครั้ง ฉลองโอกาสสถาปนาสมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังคปริณายกพระองค์ที่ 20 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์

ต่อมาเจ้าหน้าที่กองอาลักษณ์และเครื่องราชอิสริยาภรณ์ เป็นผู้เชิญทูลเกล้าฯ ถวายสมเด็จพระสังฆราช สมเด็จพระสังฆราชทรงรับแล้ว เจ้าหน้าที่กองศาสนูปถัมภ์ กรรมการศาสนาเชิญไปตั้งไว้บนพระแท่นเศวตฉัตร ถวายพระตราตำแหน่งสมเด็จพระสังฆราช ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ เป็นผู้เชิญทูลเกล้าฯ ถวายสมเด็จพระสังฆราชทรงรับแล้ว เจ้าหน้าที่กองศาสนูปถัมภ์กรมการศาสนา เชิญไปตั้งไว้บนพระแท่นเศวตฉัตร ถวายพัดยศ ไตรแพร เครื่องยศสมณศักดิ์ เจ้าหน้าที่สำนักพระราชวังเป็นผู้เชิญทูลเกล้าฯ ถวาย สมเด็จพระสังฆราชทรงรับแล้ว เจ้าหน้าที่กองศาสนูปถัมภ์กรมการศาสนาเชิญไปตั้งที่โต๊ะเคียง ข้างพระแท่นเศวตฉัตร ประทับพระราชอาสน์ที่เดิม

พระสงฆ์ในสังฆมณฑลเจริญชัยมงคลคาถาจบ สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จฯ ไปถวายใบปวารณาแทนจตุปัจจัยไทยธรรมแด่สมเด็จพระราชาคณะ ซึ่งนั่งอยู่ที่อาสน์สงฆ์ ประทับพระราชอาสน์ที่เดิม ส่วนพระราชาคณะในสังฆมณฑลจะได้ลงจากอาสน์สงฆ์ เดินเข้าไปรับตามลำดับจำนวน 171 รูป สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงหลั่งทักษิโณทก พระสงฆ์ในสังมณฑลถวายอนุโมทนา ถวายอดิเรก จบแล้ว อธิบดีกรมการศาสนากราบทูลนำสมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปรินายก ไปประทับ ณ อาสน์สงฆ์ กลางพระอุโบสถ พระพักตร์ตรงพระทวารกลางพระอุโบสถ เพื่อทรงรับเครื่องสักการะ

พระมหาเถระผู้ใหญ่ฝ่ายคณะธรรมยุต (สมเด็จพระวันรัต) และพระมหาเถระผู้ใหญ่ฝ่ายมหานิกาย (สมเด็จพระพุทธชินวงศ์) สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ประธานองคมนตรี นายกรัฐมนตรี ประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ประธานศาลฎีกา ถวายเครื่องสักการะแด่สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก แล้ว

สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ทรงหันพระองค์กลับไปทรงกราบพระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากร ทรงกราบ ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ เชิญพัดยศนำเสด็จออกจากพระอุโบสถลงทางพระทวารกลาง พระสงฆ์ในสังฆมณฑลออกจากพระอุโบสถตามสมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ลงทางพระทวารท้ายอาสน์สงฆ์
สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก เสด็จลงทางพระทวารกลางพระอุโบสถ ทรงรับเครื่องสักการะของบรรพชิตญวณและจีน

จากนั้นเวลา 19.58 น. เสด็จจากพระอุโบสถ ไปประทับรถเบนซ์สีครีมพระราชทานจากสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ป้ายทะเบียน ร.ย.ล.0194 ที่ประตูเกย หน้าวัดพระศรีรัตนศาสดาราม เสด็จไปยังวัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม เมื่อสมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปรริณายก เสด็จพ้นพระอุโบสถไปประทับรถยนต์พระประเทียบแล้ว สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จฯ ไปทรงกราบที่หน้าเครื่องนมัสการที่หน้าธรรมาสน์ศิลา ทรงรับการถวายความเคารพของผู้มาเฝ้าฯ เสด็จออกจากพระอุโบสถไปประทับรถยนต์พระที่นั่งที่ประตูเกย หลังวัดพระศรีรัตนศาสดาราม เสด็จฯ กลับ
ทั้งนี้ เครื่องยศสมณศักดิ์ของสมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปรินายก ประกอบด้วย พระตราตำแหน่งสมเด็จพระสังฆราช, พัดยศ, ไตรแพร, บาตรพร้อมด้วยฝาและเชิงบาตรถมปัด, พานพระศรี (มังสี 2 ตลับพู่ 1 จอก 1 ซองพลู 1 พร้อมพูล), ขันน้ำพานรองมีจอก, ถาดสรงพระพักตร์, ขันน้ำพานรองมีจอก คลุมตาดรูปฝาชี, หีบตราจักรี (หีบหลังเจียด), หีบพระโอสถหลังนูน, คนโท, กาทรงกระบอก, หม้อลักจั่น, ปิ่นโตกลม 4 ชั้น, สุพรรณราช และสุพรรณศรี
ทั้งนี้ผู้สื่อข่าวรายงานว่าประชาชนที่มาเฝ้ารับเสด็จฯสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวบริเวณโดยรอบพระอุโบสถวัดพระศรีรัตนศาสดาราม ต่างเปล่งเสียงทรงพระเจริญดังกึกก้อง
กำลังโหลดความคิดเห็น