นายอนันต์ สุวรรณรัตน์ อธิบดีกรมการข้าว พร้อมด้วยนายสมชาย ชาญณรงค์กุล อธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร ร่วมกันแถลงข่าว ระบุว่า ขณะนี้ทั้งสองหน่วยงานได้ร่วมลงนามบันทึกความร่วมมือด้านความเชื่อมโยงข้อมูลทะเบียนเกษตรกร และข้อมูลสารสนเทศด้านข้าว เพื่ออนุญาตให้ทั้งสองหน่วยงานสามารถนำข้อมูลการขึ้นทะเบียนของเกษตรที่ได้ขึ้นทะเบียนไว้ ไปใช้พัฒนาระบบการทำการเกษตร การเข้าช่วยเหลือในกรณีเกษตรกรประสบภัยต่างๆ ร่วมถึงการแก้ไขปัญหาด้านการเกษตรที่มีอยู่
ส่วนข้อมูลทะเบียนเกษตรกร ที่กรมส่งเสริมการเกษตร อนุญาตให้สามารถนำมาใช้ได้ เป็นข้อมูลทะเบียนเกษตรกร ผู้ปลูกข้าว ตั้งแต่ปี 2557 ซึ่งจะเป็นข้อมูลพื้นฐานครัวเรือน สมาชิกในครัวเรือน การถือครองที่ดินเพื่อการเกษตร การประกอบกิจกรรมการเกษตร รายได้และหนี้สิน รวมถึงการเข้าร่วมโครงการภาครัฐ ส่วนข้อมูลที่กรมการข้าว ได้นำข้อมูลเตือนภัยธรรมชาติการระบาดของศัตรูข้าวและโรคไหม้ ระบบตรวจสอบรับรองมาตรฐานข้าวและผลิตภัณฑ์ จีเอพี ระบบการพยาการเคลื่อนย้ายเพลี้ยกระโดดสีน้ำตาล และระบบฐานข้อมูลศูนย์ข้าวชุมชน ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อการนำมาใช้วางแผนการทำนาร่วมกับกรมส่งเสริมการเกษตรได้เป็นอย่างดี
ทั้งนี้ ความร่วมมือในการใช้ข้อมูลทะเบียนเกษตรกรและข้อมูลสารสนเทศด้านข้าว จะมีผลบังคับใช้ทันทีตั้งแต่วันนี้ โดยมีกำหนดระยะเวลา 5 ปี ซึ่งอธิบดีทั้งสองหน่วยงานยืนยันว่า การนำข้อมูลทะเบียนเกษตรกรมาใช้ เพื่อพัฒนาการระบบส่งเสริมการผลิตข้าวอย่างมีระบบ รวมถึงใช้เพื่อวางมาตรการในการช่วยเหลือเกษตรกร ในกรณีเกิดภัยพิบัติทางธรรมชาติให้ทันท่วงที ซึ่งจะไม่ก่อให้เกิดผลกระทบหรือสร้างความเสียหายให้กับเจ้าของข้อมูลอย่างแน่นอน ขณะเดียวกันยังจะนำไปสู่การเพิ่มประสิทธิภาพการทำนาเพื่อให้ได้ผลตอบแทนมากที่สุดด้วย
ส่วนข้อมูลทะเบียนเกษตรกร ที่กรมส่งเสริมการเกษตร อนุญาตให้สามารถนำมาใช้ได้ เป็นข้อมูลทะเบียนเกษตรกร ผู้ปลูกข้าว ตั้งแต่ปี 2557 ซึ่งจะเป็นข้อมูลพื้นฐานครัวเรือน สมาชิกในครัวเรือน การถือครองที่ดินเพื่อการเกษตร การประกอบกิจกรรมการเกษตร รายได้และหนี้สิน รวมถึงการเข้าร่วมโครงการภาครัฐ ส่วนข้อมูลที่กรมการข้าว ได้นำข้อมูลเตือนภัยธรรมชาติการระบาดของศัตรูข้าวและโรคไหม้ ระบบตรวจสอบรับรองมาตรฐานข้าวและผลิตภัณฑ์ จีเอพี ระบบการพยาการเคลื่อนย้ายเพลี้ยกระโดดสีน้ำตาล และระบบฐานข้อมูลศูนย์ข้าวชุมชน ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อการนำมาใช้วางแผนการทำนาร่วมกับกรมส่งเสริมการเกษตรได้เป็นอย่างดี
ทั้งนี้ ความร่วมมือในการใช้ข้อมูลทะเบียนเกษตรกรและข้อมูลสารสนเทศด้านข้าว จะมีผลบังคับใช้ทันทีตั้งแต่วันนี้ โดยมีกำหนดระยะเวลา 5 ปี ซึ่งอธิบดีทั้งสองหน่วยงานยืนยันว่า การนำข้อมูลทะเบียนเกษตรกรมาใช้ เพื่อพัฒนาการระบบส่งเสริมการผลิตข้าวอย่างมีระบบ รวมถึงใช้เพื่อวางมาตรการในการช่วยเหลือเกษตรกร ในกรณีเกิดภัยพิบัติทางธรรมชาติให้ทันท่วงที ซึ่งจะไม่ก่อให้เกิดผลกระทบหรือสร้างความเสียหายให้กับเจ้าของข้อมูลอย่างแน่นอน ขณะเดียวกันยังจะนำไปสู่การเพิ่มประสิทธิภาพการทำนาเพื่อให้ได้ผลตอบแทนมากที่สุดด้วย