พล.ต.ท.อำนวย นิ่มมะโน รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร หรือ กทม. แถลงผลการประชุมคณะผู้บริหาร กทม.ว่า กทม. มีมติยกเลิกโครงการรถโดยสารด่วนพิเศษ (บีอาร์ที) สายสาทร-ราชพฤกษ์ หรือสายช่องนนทรี-ราชพฤกษ์ โดยโครงการบีอาร์ทีใช้ผิวจราจร 1 ช่องทาง เพื่อรถเมล์บีอาร์ทีเป็นเฉพาะ ทำให้คนกลุ่มใหญ่ที่ใช้ถนนเกิดความรู้สึกต่อต้านขึ้นมา จนบางครั้งก็มีรถยนต์ขับในช่องพิเศษ ทำให้รถบีอาร์ทีไม่สามารถทำความเร็วได้ เมื่อใช้ความเร็วไม่ได้ก็ไม่มีคนนั่ง ซึ่งยอดผู้โดยสารมีส่วนหนึ่งจากเด็กนักเรียนและผู้สูงอายุที่นั่งฟรี ทำให้ กทม.ขาดทุนสะสมมาต่อเนื่องปีละ 200 ล้านบาททุกปี
ขณะเดียวกันสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน(สตง.) ทำหนังสือแจ้งเตือนให้ กทม.ทบทวนโครงการมา 2 ครั้งว่า ไม่ใช่ภารกิจของ กทม. และเป็นโครงการทำลายวินัยการเงินการคลัง ไม่ได้ช่วยแก้ปัญหาจราจร ไม่ได้ทำเพื่อกลุ่มเป้าหมาย และไม่ได้ให้บริการกับประโยชน์สาธารณะ
พล.ต.ท.อำนวย กล่าวอีกว่า คณะกรรมการบริหารระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพฯ มีมติยุติโครงการบีอาร์ที เมื่อหมดสัญญาวันที่ 30 เม.ย.2560 นี้ จากนั้นจะประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนรับทราบ และประสานให้องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) มาเดินรถแทน ส่วนสถานีบีอาร์ทีนั้นจะให้ ขสมก.ใช้รับ และส่งผู้โดยสาร
นอกจากนี้ จะมีการคืนผิวจราจรให้ประชาชน ซึ่งการดำเนินโครงการไม่ใช่ภารกิจหลักเเละทำลายการคลัง กทม. ไม่ใช่นโยบายรัฐบาลเเต่เป็นนโยบายผู้บริหารสมัยหนึ่ง โดยบางโอกาสเอาไปสร้างคะแนนนิยม หรือโครงการประชานิยม รวมถึงไม่ได้ให้บริการกลุ่มเป้าหมายอย่างแท้จริง และไม่มีการปรับปรุงประสิทธิภาพการเดินทางได้ ตามที่ สตง.เคยทำหนังสือแจ้งเตือนมา
ขณะเดียวกันสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน(สตง.) ทำหนังสือแจ้งเตือนให้ กทม.ทบทวนโครงการมา 2 ครั้งว่า ไม่ใช่ภารกิจของ กทม. และเป็นโครงการทำลายวินัยการเงินการคลัง ไม่ได้ช่วยแก้ปัญหาจราจร ไม่ได้ทำเพื่อกลุ่มเป้าหมาย และไม่ได้ให้บริการกับประโยชน์สาธารณะ
พล.ต.ท.อำนวย กล่าวอีกว่า คณะกรรมการบริหารระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพฯ มีมติยุติโครงการบีอาร์ที เมื่อหมดสัญญาวันที่ 30 เม.ย.2560 นี้ จากนั้นจะประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนรับทราบ และประสานให้องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) มาเดินรถแทน ส่วนสถานีบีอาร์ทีนั้นจะให้ ขสมก.ใช้รับ และส่งผู้โดยสาร
นอกจากนี้ จะมีการคืนผิวจราจรให้ประชาชน ซึ่งการดำเนินโครงการไม่ใช่ภารกิจหลักเเละทำลายการคลัง กทม. ไม่ใช่นโยบายรัฐบาลเเต่เป็นนโยบายผู้บริหารสมัยหนึ่ง โดยบางโอกาสเอาไปสร้างคะแนนนิยม หรือโครงการประชานิยม รวมถึงไม่ได้ให้บริการกลุ่มเป้าหมายอย่างแท้จริง และไม่มีการปรับปรุงประสิทธิภาพการเดินทางได้ ตามที่ สตง.เคยทำหนังสือแจ้งเตือนมา