บรรยากาศในพระบรมมหาราชวัง ซึ่งเปิดให้ประชาชนเข้าถวายสักการะพระบรมศพ เป็นวันที่ 96 ตลอดทั้งวันนี้ (6 ก.พ.) ยังคงมีประชาชนจากทั่วทุกสารทิศ ทั้งกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด อาทิ จังหวัดราชบุรี, ยะลา, ระนอง, ตราด ฯลฯ ต่างแต่งกายด้วยชุดดำเรียบร้อยจำนวนมาก เดินทางมาต่อแถวอย่างเป็นระเบียบเพื่อขึ้นสู่พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ด้วยความสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ โดยเจ้าหน้าที่ได้เปิดประตูให้ประชาชนเดินแถวเข้าตั้งแต่เวลา 04.50 น.ก่อนเปลี่ยนเข้าทางประตูมณีนพรัตน์ ถนนหน้าพระลาน เวลา 08.30 น. เพื่อเปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าชมวัดพระศรีรัตนศาสดาราม ทางประตูวิเศษไชยศรี
นางสุนันท์ ศรีสวัสดิ์ อายุ 54 ปี ชาวบ้านสะตะโก ต.หนองปลาหมอ อ.บ้านโป่ง จ.ราชบุรี กล่าวว่า ตนเดินทางมาพร้อมกับนางสาวสุมนา อินทร์จักร์ อายุ 66 ปี ข้าราชการครูบำนาญ และเพื่อนบ้านชาวบ้านสะตะโก รวม 11 คน โดยเช่ารถตู้มากันเอง ออกจากบ้านช่วงตี 2 และเดินทางมาถึงท้องสนามหลวงประมาณตี 5 ซึ่งตนเดินทางมาเป็นครั้งแรกรู้สึกดีใจและตื้นตันใจมากตั้งใจมากราบขอพรพระองค์เพื่อเป็นศิริมิงคลแก่ชีวิต เพราะในความรู้สึกเรานั้นพระองค์ท่านยิ่งใหญ่และถือเป็นสิ่งศักดิ์ที่เราเคารพนับถือมาโดยตลอด ที่ผ่านมา คิดถึงพระองค์ตลอด คิดถึงคำสอนของพระองค์ ตนไม่เคยได้มีโอกาสได้รับเสด็จเลย แต่รับรู้ว่าพระองค์มีโครงการในพระราชดำริอย่างมากมายเพื่อช่วยเหลือประชาชนที่เดือดร้อน และโครงการและคำสอนของพระองค์ที่ประทับใจมากคือหลักเศรษฐกิจพอเพียงเพราะเราสามารถนำมาปรับใช้ได้
ขณะที่นางเครือวัลย์ นิลภักดิ์ อายุ 70 ปี ชาว ต.สะเตง อ.เมือง จ.ยะลา กล่าวว่า ตนได้มีโอกาสเดินทางมาเป็นครั้งที่สองแล้วดีใจและประทับใจมาก ซึ่งตนเป็นครอบครัวตำรวจและได้มีโอกาสรับใช้เวลาที่ในหลวงรัชกาลที่ 9 และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ในพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช เสด็จฯเยี่ยมราษฎร์ที่ จ.ยะลา ก็ได้มีโอกาสรับใช้รู้สึกปลาบปลื้มใจมากแล้ว พระองค์ทรงดูและช่วยประชาชนอย่างมากมายรู้สึกซาบซึ้งใจ ซึ่งใน จ.ยะลา มีเขื่อนบางลาง ที่ ต.บางลาง และมีโครงการแก้มลิง อยู่ที่ ต.ท่าสาป จ.ยะลา ก็ช่วยไม่ให้น้ำท่วมในช่วงที่ฝนตกหนัก และช่วยเก็บน้ำไว้ใช้ในช่วงหน้าแล้ง ซึ่งสามารถช่วยเหลือชาวบ้านได้เยอะมาก ซึ่งพระมหากรุณาธิคุณของพระองค์ที่มีต่อชาวยะลานั้น สุดจะพรรณนาออกมาได้ครบถ้วน
นางสุนันท์ ศรีสวัสดิ์ อายุ 54 ปี ชาวบ้านสะตะโก ต.หนองปลาหมอ อ.บ้านโป่ง จ.ราชบุรี กล่าวว่า ตนเดินทางมาพร้อมกับนางสาวสุมนา อินทร์จักร์ อายุ 66 ปี ข้าราชการครูบำนาญ และเพื่อนบ้านชาวบ้านสะตะโก รวม 11 คน โดยเช่ารถตู้มากันเอง ออกจากบ้านช่วงตี 2 และเดินทางมาถึงท้องสนามหลวงประมาณตี 5 ซึ่งตนเดินทางมาเป็นครั้งแรกรู้สึกดีใจและตื้นตันใจมากตั้งใจมากราบขอพรพระองค์เพื่อเป็นศิริมิงคลแก่ชีวิต เพราะในความรู้สึกเรานั้นพระองค์ท่านยิ่งใหญ่และถือเป็นสิ่งศักดิ์ที่เราเคารพนับถือมาโดยตลอด ที่ผ่านมา คิดถึงพระองค์ตลอด คิดถึงคำสอนของพระองค์ ตนไม่เคยได้มีโอกาสได้รับเสด็จเลย แต่รับรู้ว่าพระองค์มีโครงการในพระราชดำริอย่างมากมายเพื่อช่วยเหลือประชาชนที่เดือดร้อน และโครงการและคำสอนของพระองค์ที่ประทับใจมากคือหลักเศรษฐกิจพอเพียงเพราะเราสามารถนำมาปรับใช้ได้
ขณะที่นางเครือวัลย์ นิลภักดิ์ อายุ 70 ปี ชาว ต.สะเตง อ.เมือง จ.ยะลา กล่าวว่า ตนได้มีโอกาสเดินทางมาเป็นครั้งที่สองแล้วดีใจและประทับใจมาก ซึ่งตนเป็นครอบครัวตำรวจและได้มีโอกาสรับใช้เวลาที่ในหลวงรัชกาลที่ 9 และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ในพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช เสด็จฯเยี่ยมราษฎร์ที่ จ.ยะลา ก็ได้มีโอกาสรับใช้รู้สึกปลาบปลื้มใจมากแล้ว พระองค์ทรงดูและช่วยประชาชนอย่างมากมายรู้สึกซาบซึ้งใจ ซึ่งใน จ.ยะลา มีเขื่อนบางลาง ที่ ต.บางลาง และมีโครงการแก้มลิง อยู่ที่ ต.ท่าสาป จ.ยะลา ก็ช่วยไม่ให้น้ำท่วมในช่วงที่ฝนตกหนัก และช่วยเก็บน้ำไว้ใช้ในช่วงหน้าแล้ง ซึ่งสามารถช่วยเหลือชาวบ้านได้เยอะมาก ซึ่งพระมหากรุณาธิคุณของพระองค์ที่มีต่อชาวยะลานั้น สุดจะพรรณนาออกมาได้ครบถ้วน