บรรยากาศในพระบรมมหาราชวัง ซึ่งเปิดให้ประชาชนเข้าถวายสักการะพระบรมศพ ในวันนี้ (2 ก.พ.) เป็นวันที่ 92 ซึ่งตลอดทั้งวันยังคงมีประชาชนจากทั่วทุกสารทิศ ทั้งกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด ต่างแต่งกายด้วยชุดดำเรียบร้อยจำนวนมาก เดินทางมาต่อแถวอย่างเป็นระเบียบเพื่อขึ้นสู่พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ด้วยความสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ โดยเจ้าหน้าที่ได้เปิดประตูให้ประชาชนเดินแถวเข้าตั้งแต่เวลา 04.50 น.ก่อนเปลี่ยนเข้าทางประตูมณีนพรัตน์ ถนนหน้าพระลาน เวลา 08.30 น. เพื่อเปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าชมวัดพระศรีรัตนศาสดาราม ทางประตูวิเศษไชยศรี
นางกนกพร สีเหลือง วัย 66 ปี ชาวบ้านเขตบึงกุ่ม กรุงเทพมหานคร ออกเดินทางจากบ้านพักเพียงลำพัง ตั้งแต่ 05.30 น.ด้วยรถประจำทาง มาถึงที่ท้องสนามหลวงและมาเข้าคิวตอน 6.30 น. แล้วได้ขึ้นสักการะพระบรมศพบนพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาทเมื่อเวลา 10.30 น.กล่าวถึงความรู้สึกของตัวเองหลังจากที่ได้กราบสักการะพระบรมศพ ด้วยน้ำเสียงสั่นเครือว่า การมาครั้งนี้ถือเป็นครั้งที่ 2 เพราะครั้งแรกมาช่วงที่ท่านสวรรคตใหม่ๆ ช่วงนั้นคนเยอะมากรอนานถึง 12 ชั่วโมง แต่ได้ขึ้นกราบสักการสมใจ รอบนี้ถือว่าใช้เวลารอไม่นานเพียงแค่ 3 ชั่วโมงเท่านั้น แต่ความรู้สึกเวลาที่ได้กราบสักการะพระองค์ท่านไม่เคยต่างจากวันแรกเลยคือ ทุกครั้งที่ได้ก้มกราบที่เบื้องหน้าพระบรมโกศ รู้สึกตื้นตัน น้ำตาไหลริน ขนลุกไปทั้งตัว แล้วได้ตั้งอฐิษฐานจิตขอพรให้พระองค์เสด็จฯไปสู่สรวงสวรรค์ และขอให้พระองค์ทรงปกปักคุ้มครองลูกหลานชาวไทยทุกคนให้มีความรักสามัคคีกัน
ด้าน พ.ต.ท.สมหวัง คำทอง อายุ 63 ปี อดีตผู้กำกับตำรวจตะเวนชายแดน อ.แม่ริม จ.เชียงใหม่ สมาชิกชมรมวิทยากรลูกเสือชาวบ้าน จ.เชียงใหม่ ออกเดินทางร่วมคณะอีก 40 คนโดยรถบัสจาก อ.แม่ริม ตั้งแต่ตีห้าวันที่ 1 กุมภาพันธ์ มาถึงสนามหลวงเวลา 18.00 น. และเข้าถวายสักการะวันเดียวกัน ก่อนจะอาศัยพักแรมที่วัดเบญจมบพิตรและมาสักการะพระแก้วมรกต เพื่อความเป็นสิริมงคลก่อนกลับภูมิลำเนา
อดีตผู้กำกับ เล่าว่า ในหลวง ร.9 ทรงมีพระมหากรุณาธิคุณต่อวงการลูกเสือชาวบ้านมาก ทรงรับพวกเราไว้ในพระบรมราชูปถัมภ์ตั้งแต่ปี 2519 หลังจากทอดพระเนตรกิจการของลูกเสือชาวบ้าน จ.อุดรธานี เนื่องจากเห็นพลังความสามัคคี ได้พระราชทานทุนทรัพย์ส่วนพระองค์ 1 แสนบาท เพื่อซื้อผ้าพันคอลูกเสือ, วอล์กเกอร์หน้าเสือ และเข็มกลัดหน้าเสือ จนกลายเป็นเครื่องแต่งกายเต็มยศของพวกเรา
นางสุวดี พึ่งบุญพระ ผู้บริหารบริษัท พีพี กรุ๊ป จำกัด นำเข้าแบรนด์แฟชั่นชั้นนำระดับโลก ในฐานะเป็นเจ้าภาพร่วมคณะดีไซเนอร์ไทย กล่าวว่า ตัวเองโชคดีที่เกิดและเติบโตในสมัยในหลวง รัชกาลที่ 9 ที่ยังเสด็จพระราชดำเนินไปเยี่ยมเยียนพวกนิกรตามจังหวัดต่างๆ เพื่อพัฒนาความเป็นอยู่ให้ดีขึ้น จึงได้ซึมซับและรับรู้พระราชกรณียกิจนานัปการมาโดยตลอด สิ่งที่ประทับใจที่สุดคือคำสอนของพระองค์ ในเรื่องความบากบั่นพากเพียร
นางกนกพร สีเหลือง วัย 66 ปี ชาวบ้านเขตบึงกุ่ม กรุงเทพมหานคร ออกเดินทางจากบ้านพักเพียงลำพัง ตั้งแต่ 05.30 น.ด้วยรถประจำทาง มาถึงที่ท้องสนามหลวงและมาเข้าคิวตอน 6.30 น. แล้วได้ขึ้นสักการะพระบรมศพบนพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาทเมื่อเวลา 10.30 น.กล่าวถึงความรู้สึกของตัวเองหลังจากที่ได้กราบสักการะพระบรมศพ ด้วยน้ำเสียงสั่นเครือว่า การมาครั้งนี้ถือเป็นครั้งที่ 2 เพราะครั้งแรกมาช่วงที่ท่านสวรรคตใหม่ๆ ช่วงนั้นคนเยอะมากรอนานถึง 12 ชั่วโมง แต่ได้ขึ้นกราบสักการสมใจ รอบนี้ถือว่าใช้เวลารอไม่นานเพียงแค่ 3 ชั่วโมงเท่านั้น แต่ความรู้สึกเวลาที่ได้กราบสักการะพระองค์ท่านไม่เคยต่างจากวันแรกเลยคือ ทุกครั้งที่ได้ก้มกราบที่เบื้องหน้าพระบรมโกศ รู้สึกตื้นตัน น้ำตาไหลริน ขนลุกไปทั้งตัว แล้วได้ตั้งอฐิษฐานจิตขอพรให้พระองค์เสด็จฯไปสู่สรวงสวรรค์ และขอให้พระองค์ทรงปกปักคุ้มครองลูกหลานชาวไทยทุกคนให้มีความรักสามัคคีกัน
ด้าน พ.ต.ท.สมหวัง คำทอง อายุ 63 ปี อดีตผู้กำกับตำรวจตะเวนชายแดน อ.แม่ริม จ.เชียงใหม่ สมาชิกชมรมวิทยากรลูกเสือชาวบ้าน จ.เชียงใหม่ ออกเดินทางร่วมคณะอีก 40 คนโดยรถบัสจาก อ.แม่ริม ตั้งแต่ตีห้าวันที่ 1 กุมภาพันธ์ มาถึงสนามหลวงเวลา 18.00 น. และเข้าถวายสักการะวันเดียวกัน ก่อนจะอาศัยพักแรมที่วัดเบญจมบพิตรและมาสักการะพระแก้วมรกต เพื่อความเป็นสิริมงคลก่อนกลับภูมิลำเนา
อดีตผู้กำกับ เล่าว่า ในหลวง ร.9 ทรงมีพระมหากรุณาธิคุณต่อวงการลูกเสือชาวบ้านมาก ทรงรับพวกเราไว้ในพระบรมราชูปถัมภ์ตั้งแต่ปี 2519 หลังจากทอดพระเนตรกิจการของลูกเสือชาวบ้าน จ.อุดรธานี เนื่องจากเห็นพลังความสามัคคี ได้พระราชทานทุนทรัพย์ส่วนพระองค์ 1 แสนบาท เพื่อซื้อผ้าพันคอลูกเสือ, วอล์กเกอร์หน้าเสือ และเข็มกลัดหน้าเสือ จนกลายเป็นเครื่องแต่งกายเต็มยศของพวกเรา
นางสุวดี พึ่งบุญพระ ผู้บริหารบริษัท พีพี กรุ๊ป จำกัด นำเข้าแบรนด์แฟชั่นชั้นนำระดับโลก ในฐานะเป็นเจ้าภาพร่วมคณะดีไซเนอร์ไทย กล่าวว่า ตัวเองโชคดีที่เกิดและเติบโตในสมัยในหลวง รัชกาลที่ 9 ที่ยังเสด็จพระราชดำเนินไปเยี่ยมเยียนพวกนิกรตามจังหวัดต่างๆ เพื่อพัฒนาความเป็นอยู่ให้ดีขึ้น จึงได้ซึมซับและรับรู้พระราชกรณียกิจนานัปการมาโดยตลอด สิ่งที่ประทับใจที่สุดคือคำสอนของพระองค์ ในเรื่องความบากบั่นพากเพียร