นายชาญชัย อิสระเสนารักษ์ รองประธานอนุกรรมาธิการวิสามัญศึกษากลไกปราบปรามทุจริต คณะกรรมาธิการวิสามัญป้องกันและปราบปรามการทุจริต สภาขับเคลื่อนเพื่อการปฎิรูปประเทศ (สปท.) กล่าวว่า อยากให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ซึ่งมีอำนาจรัฐฎาธิปัตย์เหนือรัฐบาลอื่น ควรจะทำการปราบปรามการทุจริตให้เป็นรูปธรรม โดยเฉพาะโครงการขนาดใหญ่ที่มีการทุจริต ทั้งนี้ การเอาคนผิดมาลงโทษไม่ใช่เรื่องยากแม้ว่าจะไม่มีการระบุชื่อ เพราะสามารถดูได้จากรายงานการประชุมก็จะพบหลักฐานว่าใครเกี่ยวข้องบ้าง
ในส่วนของแอร์พอร์ตลิงก์ ซึ่งสร้างใกล้เคียงกับช่วงเวลาที่มีการจัดซื้อเครื่องบินล็อตใหญ่ที่สุด โดยก่อสร้างในช่วงปลายปี 2547 มูลค่ากว่า 2 หมื่นล้านบาท พบความผิดปกติค่าธรรมเนียมอย่างเดียวสูงกว่า 1 พันล้านบาท ซึ่งจะส่งใบเสร็จหลักฐานการทุจริตเหล่านี้ให้นายกรัฐมนตรีตรวจสอบและดำเนินการ และเตือนไปยังคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ว่า หากไม่ดำเนินการเรื่องนี้ก็จะมีปัญหา หรือถ้าทำไม่เป็นตนเองจะไปดูให้ ไม่เกิน 15 วันจะเห็นว่าใครสั่งการ ใครเป็นคนดำเนินเรื่อง
นอกจากนี้ ยังมีการทุจริตที่เกิดขึ้นจากกรณีเลื่อนการชำระเงินและลดค่าตอบแทนรายปีในสัญญาระหว่างการท่าอากาศยานไทย กับบริษัทเอกชน ทำให้รัฐเสียหายกว่าหมื่นล้านบาท ขณะที่บริษัทคิงพาวเวอร์ มีกำไรมากขึ้น อีกทั้งยังมีกรณีที่การท่าอากาศยานฯ อนุมัติตามที่บริษัท คิงพาวเวอร์ทำเรื่อง ขอให้การท่าอากาศยานฯ สนับสนุนกลุ่มเยาวชนเลสเตอร์ซิตี้ 16 คน ฝึก 2 ปีที่อังกฤษวงเงิน 30 ล้านบาท เมื่อวันที่ 19 พฤศจิกายน 2557 ทั้งที่ไม่เกี่ยวข้องกับประเทศไทย จนมีคำถามว่าทำไมหน่วยงานรัฐต้องเอาเงินภาษีไปสนับสนุนบริษัทเอกชน และยังแถมอีก 10 ล้านบาท ค่าประชาสัมพันธ์ด้วย ซึ่งเรื่องนี้เกิดในสมัยของรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี สิ่งเหล่านี้เป็นปัญหาของรัฐวิสาหกิจที่ใช้จ่ายเหมือนเงินส่วนตัวทั้งที่เป็นทรัพย์สินของประชาชน จึงอยากให้นายกรัฐมนตรีใช้มาตรา 44 ล้างบางคนเหล่านี้
ในส่วนของแอร์พอร์ตลิงก์ ซึ่งสร้างใกล้เคียงกับช่วงเวลาที่มีการจัดซื้อเครื่องบินล็อตใหญ่ที่สุด โดยก่อสร้างในช่วงปลายปี 2547 มูลค่ากว่า 2 หมื่นล้านบาท พบความผิดปกติค่าธรรมเนียมอย่างเดียวสูงกว่า 1 พันล้านบาท ซึ่งจะส่งใบเสร็จหลักฐานการทุจริตเหล่านี้ให้นายกรัฐมนตรีตรวจสอบและดำเนินการ และเตือนไปยังคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ว่า หากไม่ดำเนินการเรื่องนี้ก็จะมีปัญหา หรือถ้าทำไม่เป็นตนเองจะไปดูให้ ไม่เกิน 15 วันจะเห็นว่าใครสั่งการ ใครเป็นคนดำเนินเรื่อง
นอกจากนี้ ยังมีการทุจริตที่เกิดขึ้นจากกรณีเลื่อนการชำระเงินและลดค่าตอบแทนรายปีในสัญญาระหว่างการท่าอากาศยานไทย กับบริษัทเอกชน ทำให้รัฐเสียหายกว่าหมื่นล้านบาท ขณะที่บริษัทคิงพาวเวอร์ มีกำไรมากขึ้น อีกทั้งยังมีกรณีที่การท่าอากาศยานฯ อนุมัติตามที่บริษัท คิงพาวเวอร์ทำเรื่อง ขอให้การท่าอากาศยานฯ สนับสนุนกลุ่มเยาวชนเลสเตอร์ซิตี้ 16 คน ฝึก 2 ปีที่อังกฤษวงเงิน 30 ล้านบาท เมื่อวันที่ 19 พฤศจิกายน 2557 ทั้งที่ไม่เกี่ยวข้องกับประเทศไทย จนมีคำถามว่าทำไมหน่วยงานรัฐต้องเอาเงินภาษีไปสนับสนุนบริษัทเอกชน และยังแถมอีก 10 ล้านบาท ค่าประชาสัมพันธ์ด้วย ซึ่งเรื่องนี้เกิดในสมัยของรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี สิ่งเหล่านี้เป็นปัญหาของรัฐวิสาหกิจที่ใช้จ่ายเหมือนเงินส่วนตัวทั้งที่เป็นทรัพย์สินของประชาชน จึงอยากให้นายกรัฐมนตรีใช้มาตรา 44 ล้างบางคนเหล่านี้